EPG - ซื้อ

EPG - ซื้อ

คาดกำไร 2Q16 (สิ้นสุด ก.ย.) ทำจุดสูงสุดใหม่และดีขึ้นใน 2H16

เราคาดกำไรสุทธิ 2Q16 (ก.ค. – ก.ย. 2015) จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องด้วยกำไร 317.7 ล้านบาท +10.4% Q-Q และ +123.9% Y-Y จากออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น บันไดข้างและหลังคารถกระบะที่เริ่มเข้ามาหลังพ้นการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะไปแล้ว นอกจากนี้ EPG ยังได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และต้นทุนเม็ดพลาสติกที่จะยังอยู่ในระดับต่ำไปจนถึงปีหน้าเป็นอย่างน้อย เราปรับเพิ่มกำไรปี 2016-17 (สิ้นสุด มี.ค.) ขึ้นปีละ 10-13% เป็นโต 98.6% Y-Y ในปี 2016 และโต 10.5% Y-Y ในปี 2017 จากแนวโน้มที่สดใสในกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังอยู่ในระดับสูง ข่าวของ Volkswagen ไม่กระทบ EPG เพราะส่วนใหญ่ส่งออกไปสหรัฐ ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท

คาดกำไร 2Q16 (สิ้นสุด ก.ย.) น่าประทับใจ เพิ่มขึ้น 10% Q-Q และ 124% Y-Y

เราคาดกำไรของ EPG ใน 2Q16 (ก.ค.-ก.ย. 2015) จะสร้างสถิติสูงสุดต่อเนื่องแม้ว่ากลุ่มสินค้า EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก สร้างรายได้ประมาณ 1 ใน 3) เข้าสู่ช่วง low season แต่ชดเชยได้จากออเดอร์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากกล่มุสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์เช่น บันไดข้าง (Side step) หลังคารถกระบะ (Canopy) และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่บริษัทพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตรถชั้นนำเช่น Ford, Toyota เริ่มเข้ามาตั้งแต่ ก.ค. ที่ผ่านมา ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็วในไตรมาสนี้ ทำให้คาดว่ารายได้จะเพิ่ม 18.9% Q-Q และ 47.2% Y-Y เป็น 2,467.7 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะไม่ต่ำกว่าไปกว่าไตรมาสก่อนที่ 30.8% ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์เพราะยังคงได้ประโยชน์จากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับลง และการประหยัดต่อขนาด ดังนั้น เราจึงคาดกำไรใน 2Q16 (ก.ค. – ก.ย. 2015) ที่ 317.7 ล้านบาท +10.4% Q-Q และ +123.9% Y-Y

ปรับกำไรปี 2016-17 (สิ้นสุด มี.ค.) เป็นโต 98.6% ในปี 2016 และ 10.5% ปี 2017

เราปรับประมาณการกำไรปี 2016 – 2017 (สิ้นสุด มี.ค.) ขึ้นปีละ 10% และ 13% เป็น 1,246.4 ล้านบาทในปี 2016 และ 1,359.1 ล้านบาทปี 2017 คิดเป็นการเติบโตถึง 98.6% Y-Y ในปี 2016 และโตต่อเนื่องอีก 10.5% Y-Y ในปี 2017 จากการปรับเพิ่มรายได้ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งจะโตแรงในช่วง 2 ปีนี้จากสินค้านวัตกรรมของ EPG และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ค่อยๆฟื้น ซึ่งจะทำให้บริษัทร่วมที่อยู่ในกลุ่มยานยนต์เติบโตดีเช่นกัน (คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมกลับมาอยู่ในระดับ 250 กว่าล้านบาทในปีหน้าหลังชะลอไปในปีก่อน) และเราปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น จาก Economy of scale ที่ได้ และต้นทุนเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นสินค้าปลายน้ำของน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงปัจจุบันไปอีก 2 ปีเป็นอย่างน้อย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรวมฐานการผลิตและจำหน่ายในจีนที่เพิ่มขึ้นใน 2Q16 จะหายไป

แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท

ราคาหุ้นปรับลงแรงตามหุ้นรถยนต์ทั่วโลกตั้งแต่ข่าว Volkswagen ถูกตรวจพบการโกงมาตรฐานการควบคุมท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งไม่กระทบ EPG เพราะยอดขายชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใหญ่ส่งออกไปสหรัฐ ราคาหุ้นที่ตกลงมาทำให้มี PE 16.7 เท่าและ EV/EBITDA เพียง 12.8 เท่าในปีหน้า เทียบกับผู้ผลิตสินค้าใกล้เคียงกัน (ไม่มีคู่เทียบโดยตรง) ที่มี PE 25-30 เท่า ถือว่าถูก เรายังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท อิง PE 25 เท่าหรือ PEG ปี 2015-18 ที่ 0.63 เท่า