ธปท.จับตาผลกระทบหลัง12ชาติบรรลุข้อตกลงTPP

ธปท.จับตาผลกระทบหลัง12ชาติบรรลุข้อตกลงTPP

ธนาคารแห่งประเทศไทย จับตาความผลกระทบหลัง 12 ประเทศลงนามในข้อตกลง TPP แนะเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) กล่าวถึงการลงนามของกลุ่มประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ของ 12 ประเทศวานนี้ (ประกอบด้วยประเทศ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ สหรัฐและเวียดนาม) ว่าขั้นตอนหลังจากนี้ แต่ละประเทศต้องดำเนินการภายใน เพื่อขออนุมัติจากสภาของแต่ละประเทศก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ ทำให้ยังคงต้องติดตามผลกระทบต่อการค้าโดยรวมและเศรษฐกิจโลกในระยะปานกลางและระยะยาวต่อไปอย่างใกล้ชิด

สำหรับประเด็นของประเทศเวียดนาม คาดว่าการเข้าร่วมในความตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้ได้รับประโยชน์ในเรื่องการเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุน เนื่องจากประเทศเวียดนามยังไม่มีข้อตกลงทางการค้าเสรี หรือ FTA กับกลุ่มประเทศ TPP มาก่อน ในขณะที่ประเทศไทยได้มีข้อตกลง FTA กับกลุ่มประเทศ TPP อยู่แล้ว ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศไทยได้รับการผ่อนผันไม่ระงับสิทธิ GSP จากสหรัฐโดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 ถึงปี 2560 ทำให้ประเทศไทยยังสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในบางหมวดสินค้าได้ต่อไป ทั้งนี้ ไทยจะต้องเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ รวมทั้งการหาประโยชน์ในการเป็นห่วงโซ่การผลิตกับประเทศสมาชิก TPP เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางต่อไป

ในส่วนคำถามที่ว่าประเทศไทยควรจะเข้าร่วมกับกลุ่มประเทศ TPP หรือไม่นั้น ธปท. ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องระดับนโยบายของประเทศ