บช.ปส. จับผู้ต้องหาคดียาเสพติดเครือข่ายคนดำ 4 คดี

บช.ปส. จับผู้ต้องหาคดียาเสพติดเครือข่ายคนดำ 4 คดี

บช.ปส. จับผู้ต้องหาคดียาเสพติดเครือข่ายคนดำ 4 คดี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบช.จเร ช่วยราชการ บช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 บช.ปส. พล.ต.ต พรชัย เจริญวงค์ ผบก.ปส.3 บช.ปส.,พล.ต.ต ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 บช.ปส.พล.ต.ต.ไชยา รุจจนเวท ผบก.ปส.2 พล.ต.ต ณรงค์ศักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส.บช.ปส.พ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ โฆษก บช.ปส. และ พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 บช.ปส.หน.สง.ผบช.ปส.ร่วมกันแถลงผลการจับกลุ่มผู้ต้องหาค้ายาเสพติดเครือข่ายคนดำ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1 แสนเม็ด ยาไอซ์น้ำหนักรวมประมาณ 3 กิโลกรัม ยาเคตามิน โทรศัพท์มือถืออาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน และยึดทรัพย์สินสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆจำนวนหลายรายการ

คดี แรก เมื่อวันที่ 2 ต.ค.58 เวลาประมาณ 12.30 น.พ.ต.ต.สมบูรณ์ ทองทา นว.ผบช.ปส.พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปส.3 นปส.แม่สอด ร่วมกับ กก.2 บก.ปส.3, ตชด.34 และ สภ.แม่ริม ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายจะทอน จะวะ, นายสมบัติ รักชาติ , นายแก้ว จะเออะ , นายชัยชิด สันติวรากุล , นายไพบูลย์ จะหา และ นายจะกอ จะหา รวมจำนวน 6 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 50 มัดรวมประมาณ 100,000 เม็ด อาวุธปืน ขนาด 9 มม.พร้อมซองกระสุนและกระสุน 9 นัด

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายว่านายจะทอนและพวกมีพฤติการค้ายาบ้าในจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ให้สายทำการติดต่อล่อซื้อในราคา 6,500,000 บาท โดยได้นัดส่งของกัน ที่บริเวณ ตลาดแม่ริมพลาซ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อถึงเวลานัดนายจะทอน และพวกได้นำยาบ้ามาส่ง จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีที่สอง วันที่ 2 ต.ค.58 เวลาประมาณ 17.45 น. พ.ต.อ.วิบูลย์ กิตติอัมพานนท์ รอง ผบก.ปส.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปส1 และ บก.ขส.บช.ปส.ได้ร่วมกันจับกุม นายอนันต์ หรือบอย รุ่งแจ้งศรี อายุ 34 ปี น.ส.อุไรย์หรือสาว หมัดโส๊ะ อายุ 38 ปี น.ส.สมคิดหรือคิด บางขุนทด อายุ 38 ปี พร้อมของกลางไอซ์ 1 กก.

จากการสืบสวนทราบว่า นส.อุไรย์หรือหมัดโส๊ะมีพฤติการณ์จำหน่ายยาไอซ์ให้กับวัยรุ่นใน กทม.และปริมณฑล จึงได้วางแผนล่อซื้อ เมื่อถึงวันนัด น.ส.อุไรย์มากับน.ส.สมคิด โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเดี๋ยวจะมีคนมาส่งของอีกที ต่อมานายนายอนันต์ หรือบอย ได้ขับรถ จยย.ซูซูกินำยาไอซ์มาส่งที่บริเวณหน้าห้างไอที สแควร์ หลักสี่ เจ้าหน้าจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมและแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีที่สาม วันที่ 30 ก.ย.2558 เวลาประมาณ 14.30 น.พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปส.3 ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหารวม 2 คน นายวสันต์ หรือแบงค์ จงประเสริฐ อายุ 27 ปี นายอโนชา หรือชาเทียนประทีป อายุ 19 ปี พร้อมด้วยยา ไอซ์ จำนวน 2 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 75 กรัม. รวมน้ำหนักทั้งสิ้นประมาณ 150 กรัม

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่านายวสันต์ หรือแบงค์ มีพฤติการณ์ค้ายาไอซ์ในย่านฝั่งธนและ กทม.จึงได้วางแผนล่อซื้อยาไอซ์จำนวน 200 กรัม ราคา 280,000 บาท โดยได้นัดส่งมอบกันที่ลานจอดรถของวัดหนองแขม ซอยเพชรเกษม81 แขวงเขตหนองแขม เมื่อถึงเวลานัดนายแบงค์ได้ขี่รถจยย.เข้ามาส่งยาไอซ์โดยมีนายชาเป็นคนซ้อน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม โดยแจ้งข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษประเภท1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส.

คดีที่สี่ วันที่ 29 ก.ย.58 พ.ต.อ.ภวินทร์ ภานุมาส ผกก.2 บก.ปส.1 พ.ต.ท.ธิติสรรค์ อุทธนผล สว.กก.2 บก.ปส.1 นปส.ดอนเมือง พร้อมกำลังชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คน นายสุรชิต ปฤชานนท์ อายุ 32 ปี น.ส.มนต์ทิพย์ เชิดชู อายุ 40 ปี และMR.ANYAOHA PARTTRIC IKECHUKWU อายุ 37 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 1,070 กรัม คีตามีน ชนิดน้ำ จำนวน 7 ขวด และชนิดผงน้ำหนักประมาณ0.77กรัม จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าจะมีการส่งมอบยาไอซ์และคีตามีนกันที่บริเวณลานจอดรถวิลล่าอโศกคอนโดมิเนียม จึงนำกำลังไปสุ่ม จึงพบบุคคลตามลักษณะที่สายแจ้งเข้ามาจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ต่อมาขยายผลจับกุมตัว MR.GODWlN ONYEK ACHlOK AFOR อายุ 33 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 52 กรัม โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่องสมุดเงินฝากธนาคารต่างๆ โดยแจ้งข้อหา ผู้ต้องหาที่ 1-4 ว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงนำตั ผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน.บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า จากนี้จะดำเนินการตรวจสอบไปยังเครือข่ายยาเสพติดอย่างเข้มข้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ค้ายาเสพติดมีรูปแบบการค้าต่างๆ เข้ามาหลายอย่าง บางรายก็ถึงกับลงขายกันตามเฟสบุ๊ค และมีการลงข้อความท้าทายเจ้าหน้าที่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งที่เป็นเยาวชนก็มี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ จึงต้องดำเนินการกับคนกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด