มองเหรียญให้เห็น...แผ่นดิน

มองเหรียญให้เห็น...แผ่นดิน

โรงกษาปณ์แห่งประเทศแคนาดา ผลิตเหรียญที่ระลึก เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โรงกษาปณ์แห่งประเทศแคนาดา ของ ‘รัฐบาลแคนาดา’ หรือ The Royal Canadian Mint ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนาน ด้วยความซาบซึ้งและชื่นชมในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อประเทศชาติและประชาชนนานัปการ และเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตผลิต เหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา ขึ้น

ในโอกาสนี้ยังได้รับเกียรติจากบุคคลซึ่งมีโอกาสถวายงานมาโดยตลอด สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และ ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รับเป็น 'Ambassador กิตติมศักดิ์' ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้คนไทยได้เข้าใจยิ่งขึ้น ผ่านชุดเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ ชุดนี้

"เห็นเจตนารมณ์ที่ดี สร้างเหรียญที่ระลึกถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระ 88 พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เป็นการริเริ่มจากชาวต่างประเทศ คือโรงกษาปณ์แคนาดา ทวีคูณความรู้สึกมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งต่างชาติต่างภาษายังอยากเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราคนไทยนิ่งเฉยได้อย่างไร เมื่อมาขอให้เป็นแอมบาสเดอร์ จึงรับ" สุเมธ ตันติเวชกุล ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพวันอาทิตย์’


พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์นั้นมากมายและเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสุเมธกล่าวเป็นข้อคิดไว้ให้คนไทยช่วยกันไตร่ตรอง คือเรื่องของ แผ่นดิน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการหล่อเลี้ยงชีวิต โดยเตือนสติคนไทยว่า


"ทำอะไร.. ให้นึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนไทยทำอะไรเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวน้อยเหลือเกิน ชอบนั่งดูท่านทำงาน ชื่นชม ซาบซึ้ง แต่ตัวเองไม่เคยลงมือทำงานเลย อยากให้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ สิ่งต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงทำตลอดระยะเวลากว่าเจ็บสิบปีที่ทรงครองราชย์ ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเราทั้งสิ้น ท่านรักษาดิน รักษาน้ำ รักษาป่า...ให้ใคร ท่านใช้เองหรือ ความต้องการของท่านนิดเดียว ท่านก็เป็นหนึ่งใน 67 ล้านคนเท่านั้นเอง ประโยชน์ทั้งหมดที่ท่านทำ โครงการพระราชดำริมากมาย ก็เพื่อพยายามให้เราหลุดจากความทุกข์ ซ้ำร้ายเป็นความทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง แล้วท่านต้องมาแก้"


เหรียญที่ระลึกชุดนี้มีความหมายล้ำค่าในตัว แต่หากมองทะลุเหรียญนี้ไป จะเห็นถึงการ ทรงงาน และ ความเหน็ดเหนื่อย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


"ท่านเหนื่อยมามาก ท่านรักษาแผ่นดินมาเท่าที่พระราชทรัพย์.. เท่าที่พลังกายของพระองค์ท่านจะแบกรับไหว มองลึกๆ ไปจริงๆ ปัญหาที่พระองค์ทรงแก้อยู่ทุกวันนี้ คือสิ่งที่พวกเราสร้างกันทั้งนั้น ท่านทรงฟื้นฟูป่า แล้วเราก็ตัดไม้ทำลายป่ากันทุกวัน เพราะมุ่งหวังจะเอาสตางค์....
ท่านฟื้นฟูดิน เราก็ทำลายดินกันทุกวัน ท่านจัดหาน้ำมาให้ เราก็ใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย ไม่พยายายามจะเก็บ พอแล้งขึ้นมาก็วิ่งหาท่านให้ท่านช่วย ท่านก็ทำให้ดู ต้องเก็บอย่างนั้นอย่างนี้นะ มีสระในไร่นา ต้องมีแก้มลิง ต้องมีฟลัดเวย์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ระบายไปได้ถูก สอนกันอยู่อย่างนี้ตลอดเจ็ดสิบปี แล้วเราทำอะไรกันบ้าง....
เราดีอกดีใจมีโครงการพระราชดำริ ภาระทั้งหมดไปตกที่พระองค์ท่าน ทรงสอนวิธีการแก้ไข สอนวิธีคิด อย่างเศรษฐกิจพอเพียง เกิดวิกฤติขึ้นมา ท่านก็เปลี่ยนวิธีคิดให้ใหม่ ก็ไม่รับ...
แผ่นดินนี้ 67 ล้านคนอาศัยอยู่ร่วมกัน ให้ท่านรักษาอยู่องค์เดียวหรือ แล้ว 67 ล้านคนนั่งดูหรือไง ช่วยกันลงมือลงไม้แบกแผ่นดินมั่งเถิด ให้ท่านแบกอยู่องค์เดียว ไม่ไหวนะ 67 ล้านคนมาพยุงคนละมือ เบาขึ้นแล้ว เบาท่านด้วย ถูกไหม"


เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวต่อไปว่า ทุจริต-คอร์รัปชัน คือการทำลายแผ่นดิน การแย่งชิงที่ดิน รุกล้ำป่า ถ้าไม่นึกถึงตัวเอง ก็นึกถึงลูกหลาน

“การกิน การโกง สร้างทุกข์ให้กับแผ่นดิน สร้างทุกข์ให้ลูกหลานด้วย จับได้ไม่เฉพาะตัวเองเข้าคุก ลูกหลานที่อยู่นอกคุกติดไปด้วย ชื่อตระกูลติดไปด้วย ขอให้หยุด ง่ายที่จะเข้าใจ แต่ยากต่อการปฎิบัติ เพราะอยากรวยอยากได้เงิน อยากได้ประโยชน์ ความอยากนี่สู้กัน 2,558 ปีแล้ว พระพุทธเจ้าสอนมาก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนซ้ำอีกที”


ทั้งนี้เป็นเพราะ การมองทุกอย่างเป็นเงิน แต่ไม่พยายามเข้าใจในประโยชน์แท้ๆ ของสิ่งนั้น


“ต้นไม้ไม่ใช่ลูกบาศก์เมตรละเท่าไร แต่ต้นไม้ทำโลกเย็นลง ผลิตออกซิเยนให้เรา ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นพิษเป็นภัยกับเรา แต่คนไม่ดูประโยชน์อย่างนี้ กลับดูเป็นเงิน ดูต้นไม้เป็นเงิน ดูน้ำเป็นเงิน ดูดินเป็นเงิน ความจริงแต่ละอย่างมีประโยชน์ โบราณถึงยกให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเทพ แม่พระธรณี แม่พระคงคา เดี๋ยวนี้เจ้าพ่อเงินมา เทพอื่นละลาย ต้นไม้เทวดาแพ็คกระเป๋าไม่ทัน เลื่อยไฟฟ้าไม่เข้าใครออกใคร” คุณสุเมธ อธิบายให้เห็นภาพ


แม้ทุกวันนี้ คนไทยไม่เห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จพระราชดำเนินทรงงานเหมือนครั้งที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายและคนวัย 50 ปีเคยเฝ้าติดตามข่าวพระราชสำนักทางโทรทัศน์ แต่งานของพระองค์ไม่เคยหยุด และยังดำเนินไปเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่องผ่าน ‘มูลนิธิ’ และ ‘โครงการพระราชดำริ’

"ท่านทรงตั้งมูลนิธิมากมาย งานดำเนินต่อไปได้ไม่มีสะดุด ท่านประชวร แต่ผมไม่เคยได้หยุดเลย" เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวและว่า "สมัยก่อนท่านไปไหน เราก็ตาม เดี๋ยวนี้ท่านเสด็จไม่ไหว เราก็ต้องไปแทน เพราะถึงแม้พระองค์เสด็จไม่ไหว แต่ก็ไม่เคยหยุดทรงงาน ความทุกข์ประชาชนไม่หมด ปัญหาของชาติไม่หมด จะหมดงานได้อย่างไร ใครทุกข์ก็เขียนจดหมายถึงท่าน เป็นที่พึ่ง เปิดแฟ้มมาเหมือนนั่งอยู่บนกองทุกข์ของคน ทุกข์เจียนตายช่วยหน่อยเถอะ น้ำไม่มีช่วยหาน้ำให้หน่อย ดินปลูกอะไรไม่ขึ้น ฝนไม่ตก ทำตามโครงการพระราชดำริ ทำแล้วก็ได้ผล"


เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ใช้อะไรบ้าง ดื่มน้ำ กินข้าว มีบ้านอยู่ มีเครื่องนุ่งห่ม คือ ปัจจัยสี่ พระพุทธเจ้าสอนมา 2,558 ปี คำตอบของเด็กวันนี้ต่อให้สมัยใหม่อย่างไร ก็ต้องตอบว่าปัจจัยสี่


“แต่เคยคิดบ้างไหม ของต่างๆ ที่เลี้ยงดูชีวิต มาจากไหน น้ำมาจากไหน ข้าวทุกเม็ดมาจากไหน คำตอบคือล้วนมาจากแผ่นดิน ท่านถึงบอกให้ช่วยกันรักแผ่นดิน รักษาแผ่นดินกันหน่อย ความหมายคือให้ช่วยกันรักษาชีวิตตัวเอง”


ประเทศไทยและแคนาดาเริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งพ.ศ.2504 ขณะเดียวกันรัฐบาลแคนาดาและราชวงศ์ไทยก็มีความสัมพันธ์อันดี


“ประเทศแคนาดาก็มีสถาบันกษัตริย์เช่นกัน โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเป็นผู้ปกครอง ท่านเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” มร.ฟิลลิป คาลเวิร์ท เอกอัครราชทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย กล่าว


"กษัตริย์ไทยสองพระองค์เคยเสด็จเยือนประเทศแคนาดา องค์แรกคือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีพ.ศ.2474 ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จเยือนงาน EXPO’67 ที่มอนทรีอัล ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2510....

พระบรมวงศานุวงศ์ไทยได้เสด็จเยือนประเทศแคนาดาบ่อยครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ สมเด็จพระโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ได้เสด็จเยือนประเทศแคนาดาอย่างเป็นทางการเมื่อกรกฎาคม 2529 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีก็เคยเสด็จเยือนประเทศแคนาดาหลายครั้งใน 25 ปีที่ผ่านมา และเสด็จอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2540 และแคนาดาได้ร่วมงานกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาในด้านความยุติธรรมอีกด้วย" มร.ฟิลลิป กล่าว


เมื่อทราบว่า 'โรงกษาปณ์แคนาดา' ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ผลิตเหรียญที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 88 พรรษา สถานทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย จึงให้การสนับสนุนโครงการนี้ มร.ฟิลลิป กล่าว


โรงกษาปณ์แคนาดา ก่อตั้งเมื่อค.ศ.1908 (พ.ศ.2451 ตรงกับสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เป็นองค์กรในพระราชสำนัก ดูแลเรื่องการผลิตและแจกจ่ายเหรียญตราในประเทศแคนาดาทั้งหมด ในตอนแรกเป็นสาขาของโรงกษาปณ์อังกฤษ กระทั่งค.ศ.1931 จึงได้กลายมาเป็นของรัฐบาลแคนาดา ผลิตเหรียญชั้นนำของโลก ทั้งเหรียญตรา เหรีญที่ระลึก เหรียญและทองแท่งสำหรับการลงทุน


การสร้างสรรค์เหรียญที่ระลึกชุดนี้ใช้เทคนิคหลายอย่างในการผลิตเหรียญ มร.โจสริน เดซี่ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดเหรียญเพื่อการสะสมการลงทุนและโรงหลอม โรงกษาปณ์แห่งประเทศแคนาดา กล่าวและว่า ช่างสลักของโรงกษาปณ์ฯ ต้องศึกษาการทำลวดลายแบบไทย ใช้เทคโนโลยีพิเศษทำให้เกิดรายละเอียดที่คมชัด แต่ละเหรียญต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ


"ความท้าทายในการออกแบบเหรียญจะอยู่ที่รายละเอียดในการวาด ซึ่งศิลปินต้องวาดให้กลมกลืน โดยเฉพาะศิลปะลายกนกของไทย และพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ต้องแกะสลักให้ออกมาเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากที่สุด คาดหวังว่าอยากให้คนไทยได้ชื่นชม และครอบครองให้มากที่สุดในโอกาสพิเศษมหามงคลนี้" มร.โจสริน กล่าว


สำหรับ เหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา ซึ่งจัดทำโดย 'โรงกษาปณ์แห่งประเทศแคนาดา' ชุดนี้ จัดทำภายใต้แนวคิด ความรัก ความภักดี ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบด้วย เหรียญจำนวน 3 แบบ ได้แก่


เหรียญทองคำแท้ ผลิตจากทองคำแท้ 99.99% ขัดเงา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 มิลลิเมตร น้ำหนัก 7.8 กรัม ราคา 29,988 บาท บรรจุในแคปซูลใส พร้อมกล่องสวยหรู และใบรับรองลำดับการผลิต มียอดจัดสรรให้สั่งจอง จำนวน 1,988 เหรียญ


เหรียญเงินแท้ ผลิตจากเงินแท้ 99.99% ขัดเงาและเคลือบด้วยทองคำบางส่วน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 34 มิลลิเมตร น้ำหนัก 15.87 กรัม ราคา 2,988 บาท บรรจุในแคปซูลใส พร้อมกล่องสวยหรู และใบรับรองลำดับการผลิต มียอดจัดสรรให้สั่งจอง จำนวน 19,988 เหรียญ


เหรียญโลหะผสม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร น้ำหนัก 13.5 กรัม เป็นไฮไลต์พิเศษที่โรงกษาปณ์แห่งประเทศแคนาดา อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 ภาพ อยู่ในเหรียญเดียวกัน ถือเป็นการผลิตเหรียญลักษณะนี้เป็นครั้งแรกของโลก คือสลักพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งในช่วงเวลาก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ และหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ บรรจุแฟ้มกระดาษอาร์ตดีไซน์หรู ราคา 488 บาท มียอดจัดสรรให้สั่งจอง จำนวน 199,988 เหรียญ


ขณะที่ด้านหลังของเหรียญทั้ง 3 แบบ  สลักอักษรพระปรมาภิไธย ภปร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ


ที่สำคัญสัญลักษณ์บนเหรียญ เลข 88 นับเป็นเลขสิริมงคล โดยตัวเลข 8 มีลักษณะคล้ายสัญลักษณ์ Infinity (อินฟินิตี้) ซึ่งมีความหมายว่า ‘การไม่มีที่สิ้นสุด’ อันเป็นความหมายของความเป็นนิรันดร์ เปรียบเสมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถิตในใจพสกนิกรชาวไทยและชาวโลกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดกาล

ชุดพิเศษรวมเหรียญที่ระลึก 3 เหรียญ ราคา 32,988 บาท บรรจุในแคปซูลใส พร้อมกล่องสวยและใบรับรองลำดับการผลิต มียอดจัดสรรให้สั่งจอง จำนวน 988 ชุด


สั่งจองเหรียญที่ระลึกได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะครบตามจำนวนยอดจัดสรรให้สั่งจอง ณ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา, ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือที่ www.88kingmedal.com สอบถามโทร.0 2108 8999 กำหนดการจัดส่งทางไปรษณีย์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม พ.ศ.2558 รายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย


"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเดิน ทรงคิด เราเดินตามท่านอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว แต่ท่านย่ำดิน ขึ้นภูเขา โดนแดด โดนฝน และยังคิดเพื่อคนไทย เหนื่อยทั้งพระวรกายและพระสติปัญญา เหรียญนี่ฝรั่งทำนะ ต่างประเทศที่ไม่ได้รับน้ำจากเรา ไม่ได้รับดินจากเรา เขายังมาร่วมเฉลิมพระเกียรติกับเรา แต่เราคนไทย..ทำอะไรเพื่อพระองค์ท่านบ้าง" คุณสุเมธกล่าว


การทำเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรานั้นไม่ยากเลย คุณสุเมธฝากข้อคิดไว้โดยให้เริ่มทำจากสิ่งที่อยู่รอบตัว


"1.รักษ์แผ่นดินไว้ อย่าทำลาย จะทิ้งขยะสักชิ้นให้คำนึงว่าทิ้งใส่หน้าตัวเอง จะเทน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลอง ให้คำนึงว่ากำล้งเทใส่ชีวิตตัวเอง คิดจะทำลายเพื่อเอาเงิน ขอให้คิดตรองให้ดี...

2.เมื่อหยุดทำลายแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เวลานี้เราบริโภคของมากเกินไป ใช้ฟุ่มเฟือยเกินไป ขอให้ประหยัดกันหน่อย ของมีจำกัด ตอนผมอายุ 15 ประชากรมี 18 ล้านคน ตอนนี้ 67 ล้านคน เพิ่ม 4 เท่า แผ่นดินโตขึ้นไหม แต่ปากคนมากขึ้น..

3.ฟื้นฟู ต้องยอมรับว่าประเทศชาติเราเสียไปเยอะ ต้นน้ำลำธาร ป่าไม้ ดิน...ถูกทำลาย ต้องช่วยกันฟื้นฟู บ้านที่พอมีที่มีทาง ก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ ใช้น้ำอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ทุกคนพร้อมใจกันทำ แผ่นดินก็สะอาดขึ้น มีข้าวของพอเจียดจ่ายกัน" คุณสุเมธ กล่าว