แฉนายทุนรุกหนัก ผุดรีสอร์ทบนภูทับเบิก ซื้อที่ชาวม้งไร่3ล้าน

แฉนายทุนรุกหนัก ผุดรีสอร์ทบนภูทับเบิก ซื้อที่ชาวม้งไร่3ล้าน

ห่วงสร้างรีสอร์ทในจุดเสี่ยงดินสไลด์โคลนถล่ม ชี้ที่ดินเริ่มเปลี่ยนมือ-นายทุนรุกหนักสร้างรีสอร์ทบนภูทับเบิก ซื้อที่ดินชาวม้งไร่ละ3ล้าน

หลังจากเกิดกระแสดราม่าบนโลกโซเชียล กรณีนักท่องเที่ยวโพสต์ข้อความและภาพรีสอร์ทผุดเต็มภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

ล่าสุด นางนิรารัตน์ ประพฤติ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาชาวเขา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เรื่องการก่อสร้างบ้านพักในจุดเสี่ยงดินสไลด์หรือโคลนถล่ม เป็นปัญหาที่น่าห่วงใยมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องนายทุนจากภายนอกเข้ามาซื้อที่ดินหรือเช่าที่ดินทำสัญญากันเป็น 5-10 ปี เพื่อลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ท แม้จะรู้กันดีว่าที่ดินที่ภูทับเบิกหรือที่บ้านดอยน้ำเพียงดินไม่มีเอกสารสิทธิก็ตาม แต่นายทุนเหล่านี้ต่างก็ยอมเสี่ยง เวลานี้ภูทับเบิกบูมเรื่องการท่องเที่ยวมาก นักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวพักค้างแรมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวที่เป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวจะมีนักท่องเที่ยงแห่กันมาเป็นจำนวนมากจนเกินกว่าจะรับได้

ส่วนมาตรการแก้ไขคงต้องหารือกับตัวแทนกรมป่าไม้ในพื้นที่ว่า พอมีช่องทางไหนจะหยุดยั้งไม่ให้มีการขยายพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักรีสอร์ทไปมากกว่านี้ เวลานี้แม้แต่บริเวณหน้าผาสูงชันทำเลไม่เหมาะที่จะสร้างบ้านพักให้นักท่องเที่ยวพักค้างแรม ก็มีการจัดสร้างกัน โดยไม่คำนึงถึงเรื่องความมั่นคงแข็งแรงหรือความปลอดภัย นับเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ทั้งนี้พื้นที่ภูทับเบิกอยู่ในเขตพื้นที่สงเคราะห์ชาวเขาตามมติคณะรัฐมนตรี ปีพ.ศ. 2509 และเป็นพื้นที่เหลือจากการจำแนกการใช้ประโยชน์เมื่อปี 2546 จำนวน 4.7 หมื่นไร่เศษ โดยในจำนวนนี้ที่ภูทับเบิกและบ้านดอยน้ำเพียงดิน อ.หล่มเก่ามีพื้นที่จำนวน 1.2 หมื่นไร่เศษ และที่อ.เขาค้ออีกราว 3.3 หมื่นไร่เศษ ซึ่งศูนย์พัฒนาชาวเขารับผิดชอบดูแล ในขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลือได้ส่งคืนให้กรมป่าไม้ ภายหลังมีการกันพื้นที่และประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ

นายชิต อินทรนก หัวหน้าศูนย์ประสานงานป่าไม้ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามจับกุมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปรามไม่ให้ขยายสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม โดยเฉพาะบ้านพักรีสอร์ทที่ก่อสร้างอยู่ในทำเลหน้าผาสูงชัน รวมถึงในจุดเสี่ยงดินสไลด์หรือโคลนถล่ม แต่ชาวม้งเหล่านี้นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังไม่สนใจเรื่องกฎหมายอีกด้วย บางรายถูกจับดำเนินคดียอมรับสารภาพ ศาลสั่งปรับเงิน 2,500 บาท แต่ภายหลังยังมาก่อสร้างหรือต่อเติมบ้านพักอีก โดยต่างก็คิดว่าแลกกับผลประโยชน์การนักท่องเที่ยวคุ้มค่ากว่า

“ยอมรับว่าขณะนี้เรื่องภูทับเบิกเป็นปัญหาที่น่าหนักใจมาก เวลานี้พื้นที่ไหนทำเลดีแม้จะเป็นไร่กระหล่ำปลีก็ตาม ชาวม้งก็จะทิ้งไร่กะหล่ำปลีหันมาพัฒนาที่ดินเพื่อมาทำรีสอร์ทมากขึ้น ส่วนการแก้ไขปัญหาคงต้องบูรณาการร่วมกันหลายส่วน หากช่วงนี้ยังไม่สามารถยับยั้งได้ต่อไปคงแก้ไขลำบาก”นายชิตกล่าว

ด้านนายใจ แซ่เถา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านทับเบิกร่วมใจกล่าวว่า ในสมัยอดีตผู้ว่าฯเพชรบูรณ์คนหนึ่งได้มาบุกเบิกภูทับเบิกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการตกลงจะให้ภูทับเบิกเติบโตไปในทิศทางรักษาพื้นที่ให้มากที่สุด ให้มีที่พักแบบโฮมสเตย์หรือนอนเต้นท์ ชมดาวบนดินและสัมผัสไอหมอกกับความหนาวเย็น รวมทั้งให้ชาวม้งทับเบิกต้องรักษาวิถีชีวิตชุมชนและอาชีพปลูกกะหล่ำปลีไว้ให้ได้ ซึ่งภูทับเบิกขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

“แต่หลังการท่องเที่ยวภูทับเบิกเติบโตและบูมมากขึ้นทิศทางการท่องเที่ยวก็เริ่มเปลี่ยนไป ประกอบกับนักท่องเที่ยวต้องการความสะดวกสบายและยินดีจ่าย ทำให้มีนักลงทุนซึ่งเป็นคนไทยในบนพื้นราบมาสร้างรีสอร์ท กระทั่งชาวม้งในพื้นที่หันมาลงทุนบ้าง โดยเปลี่ยนจากไร่กะหล่ำปลีมาเป็นบ้านพักรีสอร์ท และจากการที่ธุรกิจไปได้ดีทำให้คนอื่นหันมาเอาอย่าง แต่ด้วยเงินทุนที่มีจำกัดทำให้จำเป็นต้องลดต้นทุน โดยสร้างบ้านพักแบบชั่วคราวกึ่งถาวรจึงไม่แข็งแรง

ภายหลังรีสอร์ทผุดขึ้นมากเพราะทางหน่วยราชการควบคุมไม่อยู่ ทำให้เริ่มมีปัญหากับชาวม้งในหมู่บ้าน เพราะทรัพยากรที่มีอยู่เริ่มแบ่งปันไม่ลงตัว อาทิ น้ำซึ่งหมู่บ้านต้องสูบไปทำประปาหมู่บ้าน แต่ถูกรีสอร์ทสูบขึ้นไปทำธุรกิจ จึงต้องมีข้อตกลงโดยกำหนดห้วงเวลาการสูบน้ำ ส่วนเรื่องขยะที่รีสอร์ทและนักท่องเที่ยวสร้างขึ้นแต่นำมาทิ้งในบ่อขยะของหมู่บ้าน ก็พยายามให้รีสอร์ทไปหาสถานที่ทิ้งเอง แต่ยังตกลงไม่ได้ นอกจากนี้ปัญหาจราจรคับคั่งทำให้รถติดเป็นสิ่งที่ทุกคนลำบากใจ แต่ก็พูดไม่ออกเพราะส่วนใหญ่ต่างเป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น จึงต้องหวานอมขมกลืนมาจนถึงทุกวันนี้ เคยขอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดระเบียบและดูแลแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

ข่าวแจ้งว่า เนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวทำให้ทั้งนายทุนชาวไทยและชาวม้ง เริ่มแห่กันก่อสร้างบ้านพักรีสอร์ทกันเป็นจำนวนมาก โดยมีรถปิ๊กอัพและรถบรรทุกหกล้องขนวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งรถโม่ปูนวิ่งขึ้นลงภูทับเบิกกันตลอดทั้งวัน ส่วนเจ้าของรีสอร์ทรายเดิมบางส่วนขยายพื้นที่เพื่อสร้างบ้านพักเพิ่มเติม โดยหวังกอบโกยผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ จนทำให้ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านทับเบิกเวลานี้มีบ้านพักรีสอร์ทและร้านค้าสีลูกกวาดผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยบางแห่งต้องการเน้นลงทุนต่ำ จึงนำบ้านสำเร็จรูปหรือบ้านแคปซูนมาให้บริการนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากมีการก่อสร้างชิดหน้าผาจนแลดูน่าหวาดเสียว ในขณะที่บางรายรุกป่าชุมชนเพื่อสร้างรีสอร์ทเช่นกัน

ส่วนการซื้อขายที่ดินบนภูทับเบิกและบ้านดอยน้ำเพียงดิน ล่าสุดมีนายทุนเข้าไปติดต่อเพื่อขอซื้อที่ดินจากชาวม้งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภูทับเบิกอยู่ในช่วงการท่องเที่ยวบูมมาก ทำให้ราคาที่ดินในทำเลที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม ราคาซื้อขายสูงถึงไร่ละ 1-3 ล้านบาท หรือหากชาวม้งเจ้าของที่ดินไม่ต้องการขาย นายทุนเหล่านี้ก็จะขอเช่าที่ดินโดยเสนอราคาค่าเช่าที่ดินสูงให้ถึง 4-6 แสนบาทต่อปี บางรายไม่เพียงทำสัญญาเช่านานถึง 5-10 ปี แต่นายทุนยังเสนอยกสิ่งปลูกสร้างให้หลังหมดสัญญาเช่าแล้ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ที่ดินถูกเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนครอบครอง

นอกจากนี้ยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นายทุนเหล่านี้ไม่ยอมควักเงินลงทุนมาก ในทางตรงกันข้ามบางรายยังปรับลดวัสดุก่อสร้างลง จึงทำให้การก่อสร้างไม่ถูกหลักตามแบบวิศวกรรมและยังขาดความมั่นคงแข็งแรงอีกด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการชาวม้งบางรายก่อสร้างบ้านพักโดยมีการตั้งเสาอาคารไว้บนโขดหินอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ภูทับเบิกและดอยน้ำเพียงดิน ไม่ได้มีกฎหมายการก่อสร้างอาคารควบคุมรองรับ ขณะเดียวกันทางอบต.ไม่สามารถออกข้อบัญญัติเพื่อควบคุมอาคารได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลทำให้การก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างสเปะสะปะ ไม่มีการจัดระเบียบ และแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ยังไม่มีแผนการท่องเที่ยวรองรับ โดยทางหน่วยราชการมีนโยบายให้ชาวม้งและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนควบคุมและดูแลกันเอง จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ภูทับเบิกไม่สามารถจัดระเบียบและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้ทิศทาง

นอกจากนี้ประเด็นภูทับเบิกยังเป็นกระแสฮือฮาในโลกโซเชียล โดยล่าสุดมีผู้โพสต์ภาพกองขยะผ่านเฟสบุ๊กชมรมคนรักเขาค้อ-ภูทับเบิก พร้อมข้อความซึ่งระบุว่า เป็นกองขยะจากเหล่าบรรดารีสอร์ทที่พัก และขยะจากผู้มาเที่ยว นำขยะมากองทิ้งที่ทางแยกจุดแยกขยะก่อนถึงวัดป่าทับเบิก แค่ปัญหาที่พักรีสอร์ทมาทดแทนธรรมชาติเดิมๆให้หลงเหลือน้อยลงทุกที ความสมบูรณ์และเสน่ห์แห่งป่าเขาอันแท้จริง คือตัวกระตุ้นให้นายทุนมาสร้างรีสอร์ทรีสอร์ทบนภูทับเบิก