สภาผู้ส่งออกเล็งหั่นเป้าส่งออกติดลบมากกว่า5%

สภาผู้ส่งออกเล็งหั่นเป้าส่งออกติดลบมากกว่า5%

สภาผู้ส่งออก เตรียมปรับลดเป้าส่งออกติดลบมากกว่า 5% หลังจากตัวเลขเดือนสิงหาคมยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาผู้ส่งออก แถลงยอดส่งออกช่วง 8 เดือนแรกปี 2558 ว่า ยังคงติดลบต่อเนื่องจากเดือนกรกฎาคม โดยเดือนสิงหาคมมียอดส่งออกรวม 17,669 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 6.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ส่วนภาพรวม 8 เดือนแรกปี 2558 (ม.ค.-ส.ค.58) ส่งออกติดลบแล้ว 4.92% โดยช่วง 4 เดือนที่เหลือสถานการณ์ส่งออกจะยังไม่ดี คาดว่าการส่งออกจะติดลบ 6% ขณะที่ส่งออกไตรมาส 4 หรือช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2558 การส่งออกจะติดลบ 5.2% ดังนั้น การแถลงสถานการณ์ส่งออกครั้งต่อไปในอีก 1 เดือนข้างหน้าสภาผู้ส่งออกจะปรับประมาณการส่งออกปี 2558 ใหม่ โดยจะปรับให้การส่งออกติดลบมากกว่า 5% แน่นอน ส่วนปี 2559 คาดว่าส่งออกจะโต 0% ส่วนปี 2560 และปี 2561 ส่งออกจะโต 3% ส่วนปี 2562 และปี 2563 จะโต 5%

อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีที่เป็นความหวัง คือ การที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก สภาผู้ส่งออกจึงสนับสนุนนโยบายของนายสมคิด และขอให้มีเป้าหมายมีแผนยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออกที่ชัดเจนและการทำงานบูรณาการทุกกระทรวง รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนลักษณะเดียวกันกับเจโทรโมเดล และเสนอให้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าและบริการนำสินค้าเอสเอ็มอีไปวางโชว์มีเจ้าหน้าที่ดูแลว่าลูกค้าชอบสินค้าใดและต้องสนับสนุนบริษัททำหน้าที่การตลาดทั้งนำเข้าส่งออก และต้องมีแผนสร้างคน เพราะขณะนี้กระทรวงพาณิชย์มีปัญหาด้านบุคลากร

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาผู้ส่งออกไม่ตกใจกับการส่งออกเดือนสิงหาคม 2558 ที่ติดลบ 6.69% เพราะขณะนี้โลกเข้าสู่บริบทใหม่ การส่งออกจะไม่เห็นเติบโตสูง 7-10% อีกต่อไป ทำให้ไทยติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง จึงน่าจะหาแนวทางเพิ่มการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ต้องใช้เวลาการดำเนินการนาน เพราะไทยเป็นประเทศที่เน้นผลิตเพื่อส่งออกมานาน สำหรับคาดการณ์ส่งออกเดือนกันยายนและตุลาคม 2558 จะติดลบต่อเนื่อง คาดว่าเดือนกันยายน 2558 จะติดลบ 8.6% เดือนตุลาคมติดลบ 9.2% และเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมจะติดลบ 3% เท่ากัน

ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจโลกเชื่อว่าจะไม่ฟื้นเร็ว แต่การส่งออกจะดีขึ้น เพราะมีปัญหาค่าเงินที่ผันผวนจากสงครามการเงินสหรัฐกับจีน ญี่ปุ่นกับยุโรป และรวมถึงเงินหยวนของจีน ที่จะต้องติดตามหลังจากปรับลดค่าเงินหยวนลงมาแล้ว 4.7% ว่า เพียงพอแล้วหรือยัง ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว หากต้องการปรับเศรษฐกิจให้ดีขึ้นจีนอาจใช้นโยบายลดค่าเงินลงอีกได้ ดังนั้น ควรเพิ่มการค้าชายแดนกลุ่ม CLMMV มากขึ้นโดยรวมมาเลเซียที่มีสัดส่วนการค้าชายแดนกว่า 50% ของยอดการค้าชายแดนในภาพรวมทั้งหมด และเพิ่มตลาด CIS ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ต้องปรับให้พาณิชย์จังหวัดมีองค์ความรู้ด้านตลาดส่งออก ด้านการนำเข้าสินค้าทุนของไทยในภาพรวมลดลง ผลจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าทุนแพงขึ้น