'ฟิทช์'หั่นคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.7%

'ฟิทช์'หั่นคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.7%

"ฟิทช์ เรทติ้งส์" ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.7% ส่วนปีหน้าคาดโต 3.5% หวั่นความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก-อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ

นาย Andrew Colquhoun, Head of Asia-Pacific Sovereigns บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)จำกัด ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยปีนี้เหลือเติบโตได้ราว 2.7% และในปี 59 จะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตราว 2.3% และปีหน้าจะเติบโตได้ 2.7%

ทั้งนี้ บรรยากาศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้กลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย เผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น แม้ว่าเสถียรภาพด้านต่างประเทศจะแข็งแกร่งกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเอเชียในปี 40 แต่ปัจจัยด้านอื่น ๆมีความผันผวนมากขึ้น ปริมาณการค้าของโลกฟื้นตัวช้ากว่าในอดีต ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยและประเทศเกิดใหม่อ่อนแอลง หนี้ภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูงในหลายประเทศ รวมถึงไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ฉุดรั้งอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศเกิดใหม่ย่ำแย่ลงเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ด้านนาย Ambreesh Srivastava, Fitch's Head of Financial Institutions - South and Southeast Asia กล่าวว่า สถาบันการเงินของไทยมีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับประเทศในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ แต่ธนาคารของไทยส่วนใหญ่ก็มีการกันสำรองอย่างเหมาะสม และยังมีเงินทุนแข็งแกร่ง

ขณะที่ นายพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสถาบันการเงิน(Senior Director Financial Institutions) กล่าวว่า ฟิทช์ฯ ยังคงสถานะความน่าเชื่อถือด้านต่างประเทศในระยะยาวของประเทศไทยไว้ที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เช่นเดิม โดยพิจารณาจากภาพรวม ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลเดียวกันกับประเทศอื่นๆ เช่น การตั้งสำรองหนี้ระหว่างประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง หรือการกำหนดเลือกตั้งที่ล่าช้าออกไปจากเดิมนั้นไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงไปจากข้อมูลเดิมเมื่อปี 56

สำหรับปัญหา NPL ของสถาบันการเงินของไทยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยังคงมีอยู่โดยเฉพาะปีนี้และปีหน้ายังมีความเสี่ยงที่จะมีหนี้ฯ จากกลุ่มเอสเอ็มอีค่อนข้างเยอะ แต่สถาบันการเงินของไทยมีความเข้มแข็ง และมีกำไรค่อนข้างดี จึงมีการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ขณะที่เศรษฐกิจของไทยในอนาคตมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดี