พฤติกรรมคนทำศัลยกรรมยุค 2015

พฤติกรรมคนทำศัลยกรรมยุค 2015

แพทย์ศัลยกรรมฯ สะท้อนพฤติกรรมคนทำศัลยกรรมยุค 2015

“ศัลยกรรมความงาม” ยังคงเป็นเทรนด์ฮอตฮิต ที่แรงต่อเนื่องไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะในโลกออนไลน์เรื่องของศัลยกรรมทุกจุด บนร่างกาย กระหน่ำโปรโมตกันจนตามอ่าน ตามดู กันแทบไม่ทัน...อิทธิพลจากสื่อต่างๆ และสื่อออนไลน์ที่มากมายขณะนี้ เชื่อ หรือไม่ว่า ได้กลายเป็นข้อมูล ข่าวสารที่หล่อหลอมให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ...ได้อย่างไม่น่าเชื่อ !!

ลองมาดูกันว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และศัลยแพทย์ผู้คร่ำหวอดในวงการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ลิสต์มานี้ ตรงกับตัวคุณบ้างหรือเปล่า

มองศัลยแพทย์ เหมือนช่างเสริมสวยใน “บิวตี้ซาลอน”

พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าการพบศัลยแพทย์เพื่อทำศัลยกรรมความงามนั้น
ก็เหมือนๆกับการเดินเข้าร้านเสริมสวย อยากจะตัดผมทรงไหน ทำสี หรือดัดผม ก็แค่มีภาพศิลปินดารา
ที่ชื่นชอบ ติดกระเป๋ามาก็สวยได้แล้ว ซึ่งในความจริง “ศัลยกรรมความงาม” นั้นไม่ใช่การก็อปปี้รูปหน้า ตา ปาก จมูก ของใครๆมาวางไว้บนใบหน้าของตนเองได้ เพราะโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกันหากไม่ศึกษาข้อมูลก่อนการทำศัลยกรรมย่อมเกิดผลกระทบขึ้นได้ เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ใช่แค่การตัดผมสั้นเกินไปแล้วแก้ปัญหาด้วยการต่อผมให้ยาวขึ้น แต่การทำศัลยกรรมความงามถ้าพลาดแล้วแก้ไขยาก

พฤติกรรม “คลั่ง” โฆษณา

“เสริมจมูกสไตล์เกาหลี หน้าเรียววีเชฟ ศัลยกรรมตาเจ็บน้อย หายไว ศัลยกรรมหน้าสวยเหมือนดารา” สารพัดข้อความโฆษณาชวนเชื่อ บนสื่อออนไลน์ที่จูงใจหนุ่มสาว ที่อยากดูดีด้วยมีดหมอ
สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางในการโหมกระแสสวยด้วยศัลยกรรม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายไม่สูง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสื่อสารได้แบบ two way แต่ในประเทศไทยยังขาดการกวดขันและควบคุม
ที่จริงจัง สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางมอมเมาผู้บริโภคมากที่สุด หากผู้บริโภคไม่ตั้งสติในการ
เสพข่าวสาร ผลกระทบที่ตามมาย่อมตกกับตัวผู้บริโภคเอง

เสพติด “มีดหมอ”

พฤติกรรม “เสพการทำติดศัลยกรรม” หลายคนอยากสวยด้วยมีดหมอ จนไม่รู้จักความพอดี
ซึ่งต้นเหตุมาจากการเสพติดความสวย อย่างที่เราเห็นคนดังหลายคนหน้าพังจนจดจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้ ขณะที่คนไข้บางคนอาจมีความเครียดสะสม วิตกกังวล ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder โรควิตกกังวลไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่ไปพบจิตแพทย์ เพราะเขาไม่คิดว่ามันผิดปกติที่จิตใจ แต่จะเลือกพบศัลยแพทย์ เพราะคิดว่าผิดปกติที่หน้าตา
นายแพทย์ชลธิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มองว่าการศัลยกรรมเป็นเรื่องง่าย จึงทำให้ตัดสินใจทำศัลยกรรมโดยขาดการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทยเติบโตสูงมาก แต่สิ่งที่สวนทาง คือ การพัฒนาคุณภาพด้านการรักษาของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีชั่วโมงบินสูงน้อยลง จึงเกิดเคสที่ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อจากความผิดพลาดหลังเข้ารับการทำศัลยกรรมความงามขึ้นมากมาย บางราย โชคร้ายถึงขั้นเสียชีวิต ขณะที่บางรายที่รอดชีวิตแต่ต้องทนเจ็บปวดและรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำศัลยกรรมที่ผิดพลาด เมื่อก่อนมีการฟ้องร้องเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ปัจจุบันเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น


ทุกวัน มีเคสใหญ่ๆมาให้แพทย์แก้ไขเยอะ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

นอกจากนี้ กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของไทย ยังไม่สามารถเยียวยาให้เหยื่อได้รับการชดเชย อย่างเหมาะสม ทั้งด้านจิตใจและตัวเงิน และบทลงโทษแพทย์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ยังไม่รุนแรงพอ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทนาย อัยการ ก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีในด้านนี้อย่างดีพอ ส่วนกฎหมายของแพทยสภานั้น ก็ยังลงไปไม่ถึงเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ จึงทำให้กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังในสังคม”

นายแพทย์ชลธิศ กล่าวสรุปว่า “สิ่งสำคัญจึงควรเร่งวางรากฐานความรู้ให้กับแพทย์ เพื่อพัฒนา คุณภาพด้านการรักษาและให้บริการ รองรับการเติบโตของตลาดศัลยกรรมความงาม โดยขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดสัมนาให้ความรู้กับแพทย์ไทยอย่างจริงจัง รวมทั้งเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาถ่ายทอดให้ความรู้กับแพทย์ไทยอีกด้วย สำหรับแพทย์ที่สนใจสามารถ เข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่ www.paafprs2015bangkok.com