'อนุพงษ์'เผยคืบป้องปราบค้ามนุษย์ ลุ้นไทยพ้นเทียร์ 3

'อนุพงษ์'เผยคืบป้องปราบค้ามนุษย์ ลุ้นไทยพ้นเทียร์ 3

"อนุพงษ์"เผยคืบป้องปราบค้ามนุษย์ ลุยต่อเนื่อง ยึดหลักสากลลุ้นไทยพ้นเทียร์ 3

พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากระดับเทียร์ 3  กระทรวงมหาดไทยได้นำนโยบายมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมอบหมายให้กรมการปกครองเร่งขับเคลื่อนภารกิจการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ภายใต้แผน Road Map 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติระดับตำบล หมู่บ้าน และชุมชน 2. การป้องกัน เฝ้าระวัง เน้นความสำคัญด้านการข่าว 3.การเพิ่มช่องทางรับเรื่องร้องเรียนแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์ดำรงธรรมทุกระดับ 4. การบังคับใช้กฎหมายและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด 5. การคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายและพยาน 6. การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด และ 7. การประชาสัมพันธ์สร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มข้นทั้งในระดับกระทรวง จังหวัด และอำเภอโดยเฉพาะในระดับพื้นที่ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ทำหน้าที่บูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนถึงถึงปัจจุบัน มีความคืบหน้าดังนี้       

​"การป้องกัน กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา ลาว และกัมพูชาในปี 2557 และในปี 2558 ได้เปิดให้มารายงานตัวใหม่อีกครั้ง จำนวน 1,050,068 ราย เพื่อผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวอีก 1 ปี รอการพิสูจน์สัญชาติต่อไป" รมว.มหาดไทย กล่าวและว่า

สำหรับการเปิดต่ออายุและจดทะเบียนใหม่เฉพาะแรงงานประมงปี 2558 อีกจำนวน 80,418 ราย จะดำเนินการให้สถานะที่ถูกต้องกับชนกลุ่มน้อย และบุคคลไร้สัญชาติซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน       

ขณะที่การสกัดกั้นและการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเข้าถึงเครือข่ายค้ามนุษย์ รวมถึงการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารนั้น ได้มีการประสานงานกับทุกภาคส่วนและทุกระดับ ตั้งแต่ระบบการข่าว ระบบฐานข้อมูล และการปฏิบัติเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทุกพื้นที่ โดยจัดตั้งชุดปฏิบัติการระดับตำบลมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่สำรวจตรวจสอบผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการค้ามนุษย์ในพื้นที่ของตนเอง และพัฒนากลไกการรับแจ้งข้อมูลเบาะแสผ่านเครือข่ายศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอ           

สำหรับการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ โดยพนักงานฝ่ายปกครองสนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปราม จับกุม ผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้มีการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงานประมง แรงงานในโรงงาน สถานประกอบการ และการบังคับค้าประเวณีในสถานบริการ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ รวมทั้งการนำคนมาขอทาน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดฐานค้ามนุษย์ส่งดำเนินคดีจำนวน 16 คดี ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ได้จำนวน 160 คน และลงพื้นตรวจสอบติดตามนายจ้าง สถานประกอบการ และสถานที่เสี่ยงอื่น ๆ กว่า 5,758 แห่ง ตลอดจนการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ที่อาจเป็นพื้นที่พักพิงของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งพื้นที่ป่าเขา พื้นที่ชายแดนและเกาะแก่งต่าง ๆ โดยประสานกับกอ.รมน.ภาค 4 และหน่วยกำลังในพื้นที่ดำเนินการแล้วใน 67 จังหวัด 

อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น และต่อเนื่องทั้งด้านการป้องกัน การดำเนินคดี และการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการทำงานเชิงพื้นที่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลเพื่อให้ปัญหาดับกล่าวหมดสิ้นไปจากประเทศไทย