'ไพบูลย์'ลงพื้นที่ชุมชนหัวหมากน้อย สั่งแก้ปัญหายาเสพติด

'ไพบูลย์'ลงพื้นที่ชุมชนหัวหมากน้อย สั่งแก้ปัญหายาเสพติด

"พล.อ.ไพบูลย์" ลงพื้นที่ชุมชนหัวหมากน้อย สั่งผนึกกำลังแก้ปัญหายาเสพติดใน 201 หมู่บ้าน ที่เป็นแหล่งค้ารายย่อยและมีการแพร่ระบาดรุนแรง

มัสยิดดารุลอิลาดะห์ เขตบางกะปิ -พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพร้อมผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางกะปิ ร่วมเป็นคณะเดินทางลงพื้นที่พบชาวบ้านชุมชนริมคลองหัวหมากน้อยและชุมชนใกล้เคียง ซึ่งมีปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดรุนแรง เพื่อรับฟังปัญหา ให้คำปรึกษา และรับแจ้งเบาะแสยาเสพติด โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย 201หมู่บ้าน/ชุมชนที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างหนัก เป็นแหล่งค้าขายทั้งรายย่อย และขายปลีกให้ผู้เสพ

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีปฏิบัติการ หมู่บ้านชุมชนปลอดภัย ไร้ยาเสพติด ซึ่งเดิมในพื้นที่ดังกล่าวมีการล่อซื้อและจับกุมผู้ค้าในพื้นที่ได้ 10 ราย ผู้เสพ 15 ราย ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 3 ราย พร้อมกันนี้ยังพบเด็กหญิงวัย 2 ขวบ ถูกแม่นำน้ำใบกระท่อมใส่ขวดนมให้ดื่ม จึงถือเป็นพื้นที่ระบาดรุนแรง ทำให้ต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้เป็นชุมชนต้นแบบขยายผลไปยังชุมชนอื่นทั่วประเทศ โดยมีการจัดตั้งศูนย์ชุมชนสัมพันธ์ป้องกันยาเสพติดในชุมชน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและเยาวชนที่พ่อและแม่ถูกจับกุมทำให้ไม่มีผู้เลี้ยงดู ต้องประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพม.

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตั้งเป้าขยายผลชุมชนต้นแบบปลอดยาเสพติดให้ครอบทั้งกว่า 70,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะทำหน้าที่เข้าไปจัดระบบในหมู่บ้าน หลังจากนั้นจะมีหน่วยงานในพื้นที่ เช่น สำนักงานเขต ตำรวจรับผิดชอบดูแลต่อ ทั้งนี้ยอมรับว่ายาเสพติดยังไม่หมดไป แต่ต้องการลดความรุนแรงเพื่อให้ควบคุมได้ ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ปล่อยปละละเลยทำให้ปัญหายาเสพติดขยายวงกว้างจนถึงปัจจุบัน หากตนเป็นผู้บังคับชาแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตนคงสั่งย้ายไปทำหน้าที่อื่น จากการพูดคุยกับชาวบ้านพบว่าชาวบ้านต้องต่อสู้กับปัญหานี้มานาน และต้องการให้ชุมชนปลอดยาเสพติด แต่ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาสนับสนุน โดยในปี 2559 ตนจะลงพื้นที่ทุกชุมชนที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติดรุนแรง 

ด้านนายสมาน มาลีเมาะ รองประธานชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหายาเสพติดในชุมชนยังมีเหลือประมาณ 10-20% หากเปรียบเทียบกับที่ผ่านมาถือว่าสถานการณ์แพร่ระบาดดีขึ้นมาก เนื่องจากเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งค้าทั้งขายส่ง และขายปลีกขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ โดยผู้ค้าหลายรายใช้ลูกหลาน 8-12 ปี เป็นเด็กเดินยา โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเพราะไม่เป็นที่สังเกตของเจ้าหน้าที่ ขณะที่เด็กเหล่านี้จะไม่เข้าสู่ระบบการศึกษาเพราะผู้ปกครองถูกจับในคดียาเสพติด แต่หลังป.ป.ส. และสำนักงานเขต รวมถึงทหารเข้ามาแก้ไขและมีการตั้งศูนย์ชุมชนสัมพันธ์ฯ ทำให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในชุมชนของตัวเอง ทุกวันที่ผ่านมาจะมีการเปิดเล่นการพนันและค้ายาเสพติด แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ลดลง ชาวบ้านในชุมชนมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น โดยทุกเช้ากรรมการหมู่บ้านจะสับเปลี่ยนกันทำหน้าที่ส่งเด็กนักเรียนในชุมชนไปโรงเรียน ทำให้เด็กในชุมชนไปโรงเรียนมากขึ้นจากเดิมที่ไม่ค่อยไปเรียน ทั้งนี้ ชุมชนได้หารือโรงเรียนให้ดูแลเด็กกลุ่มดังกล่าวใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพื่อให้เรียนรู้ได้ทันเพื่อนร่วมห้อง

"ขณะนี้ยังมีวัยรุ่นในชุมชนมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดอยู่ แต่จะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ สอดส่องถี่ขึ้น พร้อมกับมีการเผยแพร่ความรู้ พิษภัยยาเสพติด ทำให้สภาพแวดล้อมในชุมชนเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เป็นแหล่งมั่วสุม เพราะมีการจัดพื้นที่ใหม่ เพิ่มพื้นที่ลานกีฬาและกิจกรรม"รองประธานชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย กล่าว  

สำหรับพื้นที่ชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย มีพื้นที่ 8,000 ตารางวา 130 ครัวเรือน จำนวน 526 คน ประชากรแฝงอีกประมาณ 150 คน สภาพปัญหาก่อนหน้านี้คือมีผู้เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในชุมชนกว่า 30 คน โดยเป็นแหล่งค้าต่อเนื่องมานาน 4 ปี มีการค้าขายเปิดเผยแม้ในช่วงกลางวัน ส่วนผลปฏิบัติการใน 201 หมู่บ้านเป้าหมายระหว่างวันที่ 1ก.ค.-31 ส.ค. สามารถตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายได้ 166 หมู่บ้าน จับกุมผู้ต้องหาได้ 86 คน ข้อหาเสพ 27 คน นำเข้าบำบัด 122 คน และช่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบ 7 คน ได้ของกลางจำนวนมากเช่น ยาบ้าเกือบ 40,000 เม็ด ไอซ์กว่า 200 กรัม นอกจากนี้ ยังมีเฮโรอีน กัญชาแห้ง กระท่อม