Daily Market Outlook (3 ก.ย.58)

Daily Market Outlook (3 ก.ย.58)

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งและมาตรการพยุงหุ้นจีนช่วยลดความกังวล

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ปัจจัยหลักภายในประเทศได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยภายนอก รัฐบาลเพิ่มเติมโครงการขนาดใหญ่อีกด้วยการลงทุน 1.43 แสนล้านบาท นำสายเคเบิลสายไฟฟ้าทั้งหมดในกรุงเทพลงใต้ดิน ภายนอกประเทศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งช่วยลดความกังวลปัญหาเศรษฐกิจโลกในขณะที่มาตรการพยุงหุ้นของโบรกเกอร์จีนก็น่าจะทำให้หุ้นจีนไม่ร่วงแรงและถ่วงหุ้นโลกต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC (ราคาปิด 238 บาท, ราคาเป้าหมาย AWS ปี 58290 บาท, Bloomberg 265.89 บาท)
บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เป็นหุ้นเด่นประจำวันนี้ของเราเนื่องจากความเป็นค่ายมือถืออันดับ 1 ที่กำลังจะมีก้าวสำคัญไปยังธุรกิจ 4G และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (FBB) เราคาดว่า ADVANC จะชนะประมูลคลื่น 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์อย่างละใบจากทั้งหมด 4 ใบอนุญาต ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าศักยภาพการเติบโตของ ADVANC จะถูกปลดล็อคตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไปหลังจากการประมูล 4G ในวันที่ 11 พ.ย. 58 ที่จะถึงนี้ โดยเทรนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นี้น่าจะช่วยหนุนหุ้นให้ยืนได้อยู่ในช่วงที่อารมณ์ตลาดเป็นลบ ปัจจุบันชื่อของเอไอเอสนั้นเป็นที่นิยมทำให้บริษัทสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากเทรนด์การใช้บริการข้อมูลได้ดีกว่าคู่แข่งและเราเชื่อว่าเอไอเอสก็จะทำได้ดีกว่าในตลาด 4G และ FBB ด้วย ความแข็งแกร่งของแบรนด์เอไอเอสนั้นได้รับการการันตีด้วยรางวัลจากภาควิชาการตลาด จุฬาฯ ที่ประเมินค่าแบรนด์ของเอไอเอสสูงถึง 5.74 แสน ลบ. นับเป็นมูลค่าสูงสุดในบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ด้านบริการ FBB นั้นบริษัทได้เสนอแพคเกจที่ความเร็วสูงกว่าและเทคโนโลยีที่ดีกว่าในราคาที่เท่ากันหรือถูกกว่าคู่แข่ง แถมยังมีบริการเสริมให้ครบวงจร เช่น AIS playboxด้วย เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตได้ดีราว 15% ปีนี้และ 16% ในปีหน้า ปันผลตอบแทนคาดการณ์ปี 58 ดีถึงราว 5.8% เป็นระดับที่มากสุดตัวหนึ่งของหุ้นขนาดใหญ่ Price Pattern ของ ADVANC ได้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่มาระยะหนึ่งแล้ว บ่งบอกว่าน่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่ามีเป้าหมายถัดไปของการฟื้นตัวอยู่ที่ 248 บาท และหากปิดตลาดเหนือ 248 บาทได้ คาดว่าจะไปทดสอบเป้าหมายสำคัญที่ 263 บาท อย่างไรก็ตามในระยะกลางยังฟื้นตัวจำกัด เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากการเกิด Weekly Sell Signal อยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง คาดว่าจะได้เห็นความแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นลำดับ (แนวต้าน: 239.00, 241.00, 244.00; แนวรับ: 237.00, 235.00, 232.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ครม. เห็นชอบแผนนำสายไฟลงใต้ดิน วันอังคารคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบโครงการนำสายไฟฟ้าและสายส่งต่างๆ ลงใต้ดินใน 39 เส้นของกรุงเทพคลอบคลุม 127.3 กม. โดยจะใช้งบประมาณราว 1.43 แสน ลบ.จากการไฟฟ้านครหลวง เพื่อให้ กทม. มีทิวทัศน์ที่งดงามสำหรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น (The Nation)

• สมคิดมุ่งคุมราคาอาหาร ดันส่งออกรองนายกฯ สมคิดกล่าวว่าทางการควรจะเข้าตรวจสอบราคาสินค้าจำเป็นบ่อยขึ้น โดยเฉพาะอาหารเพื่อป้องกันการหากำไรเกินควรโดยพ่อค้าแม่ค้า และยังสั่งให้ ก.พาณิชย์ตั้งคณะทำงานดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน ก.ต่างประเทศ และ ก.การท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อหนุนการส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายเช่น พม่าและจีน เพื่อย้ำว่า ก.พาณิชย์ไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่สนับสนุนการส่งออก (Bangkok Post)

• วาระ บสย. คาดช่วยกระตุ้นการกู้ยืมเงินของ SME การการันตีที่ครอบคลุมหนี้เสียที่สูงขึ้นโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ปรับปรุงใหม่ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ธนาคารในการปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก กล่าวโดยสมาคมธนาคารไทย โครงการดังกล่าวเริ่ม 1 ก.ย. นี้ถึงสิ้นปี 59 โดยจะให้การค้ำประกันเครดิตให้ครอบคลุม 70% ของ NPL (Bangkok Post)

• คดีวางระเบิดคืบหน้า ทฤษฎีเบื้องหลังที่เกี่ยวโยงกับชาวตุรกีหลังเกิดระเบิดที่ศาลเอราวัณมีน้ำหนักมาขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับชาวตุรกีที่เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามอย่างผิดกฏหมาย (Bangkok Post)

ต่างประเทศ:

• ความท้าทายของเฟด เฟดเปิดเผยในรายงานสรุปสภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ว่าตลาดแรงงานสหรัฐมีตำแหน่งงานมากกว่าจำนวนลูกจ้างจนมีการเพิ่มค่าจ้างขึ้นเล็กน้อยในบางอาชีพในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ถึงแม้ว่าบางบริษัทรับรู้ถึงความหวาดหวั่นจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนแล้วก็ตาม ความต้องการแรงงานที่มากขึ้นบวกกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับเฟดในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. นี้ว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2549 หรือไม่ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกมากกว่า 1.8% เมื่อวันพุธ ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ของจีนเพื่อช่วยให้ตลาดหุ้นจีนที่โดนกระหน่ำกลับมาคึกคัก หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีดีดกลับจากเมื่อวันอังคารที่ร่วงลงหนัก ดัชนีแตะระดับสูงในระหว่างวันหลังจากรายงาน Beige Book ของเฟดได้ระบุถึงแนวโน้มในเชิงบวกของตลาดแรงงานสหรัฐ (Reuters)

• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนก่อน จากรายงานการจ้างงานแห่งชาติของ ADP ที่ประกาศเมื่อวันพุธ ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 201,000 ตำแหน่งก็ตาม แต่เพิ่มขึ้นจาก 177,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และเป็นไปในทางเดียวกับแนวโน้มในช่วง 7 เดือนแรกของปี ตัวเลขของ ADP ประกาศก่อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการประกาศในวันศุกร์นี้ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะรวมทั้งการจ้างงานในภาครัฐและเอกชน (Reuters)

• ตัวเลขผลการผลิตนอกภาคเกษตรในไตรมาส 2/58 เพิ่มขึ้นมากสุดในช่วงปีครึ่ง ทำให้ภาวะเงินเฟ้อจากการขึ้นค่าจ้างในตอนนี้ลดลง ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3.3% YoY มากสุดนับแต่ไตรมาส 4/56 แต่แนวโน้มการผลิตโดยรวมยังคงอ่อนแอเนื่องจากโตขึ้นเพียง 0.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนที่โตขึ้น 0.3% (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันพุธ หลังจากผันผวนมาก่อนหน้า ตลาดได้รับแรงหนุนจากมาตรการพยุงหุ้นของบรรดาโบรกเกอร์จีน และความหวังว่า บรรดาธนาคารกลางชั้นนำจะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Reuters)

• คาด ECB จะปรับประมาณการเงินเฟ้อลง แต่จะยังไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่ม ในการประชุมกำหนดนโยบายวันนี้ จากการสำรวจของรอยเตอร์ คาดกันว่า ECB จะปรับลดประมาณการเงินเฟ้อวันนี้จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง แต่จะยังคงอัตราดอกเบี้ย 3 ใน 4 ของนักวิเคราะห์คาดว่าผลที่สุดแล้ว ECB จะเพิ่ม QE ขึ้นอีกในอนาคต (Reuters)

เอเชีย:

• ตลาดหุ้นจีนรวมถึงตลาดพันธบัตร ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะปิดทำการในวันที่ 3-4 ก.ย. เนื่องในวันหยุดแห่งชาติ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีในชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง โดยตลาดฯ จะกลับมาทำการซื้อขายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 7 ก.ย. (Reuters)

• บล. จีนพร้อมช่วยพยุงตลาดหุ้นจีน บริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่งในจีนประกาศพร้อมเข้าซื้อหุ้นจีนมูลค่ากว่า 3.0 หมื่นล้านหยวน อ้างอิงจาก China Securities Journal ซึ่งประเด็นดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดหุ้นจีน (Reuters)

• มูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทญี่ปุ่นช่วงเดือน ส.ค. เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 5 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากราคาหุ้นบริษัทเหล่านี้ปรับตัวลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจช่วงการปรับฐานของตลาด อ้างอิงจากการรวบรวมข้อมูลของ JPMorgan พบว่าในเดือน ส.ค. มีบริษัทจำนวน 75 บริษัทประกาศการซื้อหุ้นคืนมูลค่ารวม 3.38 แสนล้านเยน (2.82 พันล้านดอลลาร์ฯ) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่เพียง 5.3 หมื่นล้านเยน (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ทองร่วงจากคนรอตัวเลข ทองคำตลาดจรปรับลด 6.05 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,133.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากถูกกดดันโดยการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นและดอลลาร์ อย่างไรก็ดีความเคลื่อนไหวโดยรวมยังจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขนอกภาคการเกษตรสหรัฐอยู่ (Reuters)

• น้ำมันร่วงขึ้นจากตลาดหุ้น NYMEX ปรับขึ้น 84 เซนต์หรือ -1.85% ปิด 46.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนท์พุ่ง 94 เซนต์หรือ -1.9% ปิดที่ 50.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากอารมณ์ตลาดฟื้นเล็กน้อยเพราะหุ้นฟื้นตัวแม้ว่าจะยังมีความกังวลจากอุปทานโลกล้นเกินคอยกดขาขึ้นอยู่ (Reuters)