'เปรม'เปิด60ปีนิด้า จวกประชานิยม ทำให้ชาติ-คนไทยอ่อนแอ

'เปรม'เปิด60ปีนิด้า จวกประชานิยม ทำให้ชาติ-คนไทยอ่อนแอ

"พล.อ.เปรม" ประธานองคมนตรี เปิดงาน60ปีนิด้า จวกประชานิยม ทำให้ชาติ-คนไทยอ่อนแอ ชี้บางคนเพิ่ม "ยศ-ตำแหน่ง" ไม่ใช่เพราะเก่ง

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษาสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีการจัดงาน60 ปีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า

โดยพล.อ.เปรม กล่าวว่า วันนี้ตนขอพูดเรื่องประโยชน์ต่อคณะต่อชาติบ้านเมืองบางเรื่อง ซึ่งตนได้ฟังคณบดีพูดถึงนักศึกษาสถาบันแห่งนี้ได้เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองนั้น ถือเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่น่ายกย่องชมเชยยิ่ง ดังนั้นเรื่องที่จะขอพูดเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองเพราะในปัจจุบัน เมื่อ 60 ปีที่แล้วคนไทยจำนวน 17ล้านคน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 4 เท่า คือ 67 ล้านคน เพราะฉะนั้นตนขออนุญาตเรียนไปยังราชการทั้งหลาย เราต้องปรับการพัฒนาบริหารรัฐให้สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ก่อนประเทศเราเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ แต่ว่าถอยหลังกลับไป 10 ปี ประเทศเรามีปัญหา จนทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก ถอยหลังไป กระทั่งไปอยู่ในลำดับหมายเลขที่ไม่ควรไปอยู่ ดังนั้นข้าราชการทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อทำให้ประเทศของเรากลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ให้ได้

พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องระบอบประชานิยมเป็นเรื่องปัญหา จนทำให้ประชาชนบางกลุ่มไม่คิด จะทำอะไรก็คอยแต่รับระบอบประชานิยม ทำให้ประเทศ และคนไทยอ่อนแอ ประกอบกับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในสังคมก็เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ คนรุ่นใหม่ และผู้ใหญ่อย่างน้อย 1 คนพูดว่า การโกงไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าได้ประโยชน์ ตนคิดว่าเป็นเรื่องไม่ควรพูด แถมเป็นการพูดค่อนข้างทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า โกงก็ไม่เป็นไร ซึ่งคนที่พูดเช่นนั้น เป็นคนที่พูดประโยชน์เพื่อตนเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นเราต้องไม่ยอมรับ

“อย่างไรก็ตามปัญหาการคอรัปชั่น คำๆนี้เข้าใจมากว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ที่นำความขายหน้ามาสู่ประเทศ เพราะฉะนั้นคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน โดยเฉพาะคนไทยทุกคนที่ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่คอรัปชั่นต้องช่วยปราบปรามเรื่องนี้ ในทำนองเดียวกันเรามีคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) แต่มีแรงไม่มากพอ นอกจากนั้นต้องสอนคนไทยเข้าใจว่าเป็นปัญหาร้ายแรง โดยตนมีวิธีช่วย ปปช. คือ ต้องสอนให้คนไทยให้เข้าใจว่าปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหาที่เลวร้ายที่สุด จะปล่อยปละ ละเลยไม่ได้ และสิ่งที่จะช่วย ปปช. แก้ไขปัญหานี้ หรือปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ต้องสอนให้คนรู้ว่าเป็นปัญหาเลวร้ายที่สุด เราต้องไม่ยอมให้มีปัญหานี้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา หรือมีต้องมีให้น้อยที่สุด อีกทั้งต้องสอนให้รู้ถึงคุณธรรม ว่าเป็นโรคร้ายที่รักษายากมากอาจรักษาไม่ได้ และขอย้ำอีกครั้งปัญหาคอรัปชั่นเป็นโรคร้ายต่อประเทศต้องช่วยกันทำ และสอนให้รู้ว่าเป็นปัญหาที่น่ารังเกียจต่อคนไทยทุกคน”พล.อ.เปรมกล่าว

“ผมไปพูดหลายที่ เราต้องเลิกเคารพคนคอรัปชั่น เลิกกราบไหว้คนคอรัปชั่น เลิกคบค้าสมาคมกับพวกนี้ ซึ่งมีบางคน บางสถาบัน บางกลุ่ม แบ่งการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยแยกว่าเป็นคอรัปชั่นเชิงอำนาจ กับคอรัปชั่นเชิงผลประโยชน์ ผมคิดว่า จะขยายความอย่างไรก็ตาม คนที่คอรัปชั่นก็เป็นคนโกงชาติ และน่าอับอายขายหน้า อีกทั้งบางคนได้เลื่อนยศ เพิ่มตำแหน่ง ฐานะสูงขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าเก่ง แต่ใช้วิธีคอรัปชั่น เอาเป็นประโยชน์การคอรัปชั่นเป็นประโยชน์ส่วนตัว” พล.อ.เปรมกล่าว และว่า เราต้องช่วยกันปราบปราม ฉ้อราษฎร์บังหลวงในยุคของเรา ช่วงชีวิตของเรา

ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวต่อว่า การบริหารประเทศ รัฐบาลเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางบริหารประเทศ โดยที่ภาครัฐคอยเอื้ออำนวยประโยชน์ให้ธุรกิจเอกชน ตนขอร้องในที่นี้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง หน่วยใด ขอโปรดให้ทำงานซื่อสัตย์ สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์ตนเอง แต่มองประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ควรทำตนให้ประชาชนรู้สึกว่า พวกเขาหวังว่าเพิ่งข้าราชการได้ และช่วยให้คนหายจากความยากจน ไปบ้างพอสมควร โดยวิธีการนี้ตนเคยใช้ และได้ผล คือ เริ่มที่ตัวเราเอง ในการประพฤติตนเป็นคนดี เห็นประโยชนส่วนร่วม มากกว่าส่วนตัว