ผันผวนเชิงบวก

ผันผวนเชิงบวก

เริ่มสะสมหุ้นที่เป็น laggard เน้นกลุ่มปันผลสูง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA :  ผันผวนเชิงบวก

เราคาดตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มบวกขึ้นต่อ จากปัจจัยบวกประเด็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทีม ดร.สมคิด อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่น่าผ่าน 1400 จุด เนื่องจากได้รีบาวด์สวนทิศทางตลาดเพื่อนบ้านมาพอสมควรแล้ว ประกอบกับความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังมีอยู่ดังนั้น โดยรวมจะเห็นการปรับขึ้นในวันนี้แต่ไม่มากนัก

แนวรับ/แนวต้าน : 1350/1400 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

กลยุทธ์ : เริ่มสะสมหุ้นที่เป็น laggard เน้นกลุ่มปันผลสูง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐหรือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นักลงทุนระยะสั้น : SVI(5.40), NUSA(1.25)

SVI(5.40) งบ Q2 ออกมาดีแล้ว ต่อไปงบ Q3 จะเข้าสู่ช่วงพีค ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ส่งออกง่ายขึ้นและไม่ส่งออกไปจีน ทำให้ผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวมีค่อนข้างน้อยต่อ SVI ปีนี้จะเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่เหมือนก่อนช่วงไฟไหม้ ประกอบกับ demand จากยุโรปยังแข็งแกร่งอยู่และปีหน้าจะได้ลูกค้าใหม่จากอเมริกา 4 ราย ส่งผลให้กำไรมีโอกาสจะโตถึง 40% ในปีหน้า

NUSA (1.25) เราคาดกำไรจะโตได้สูงปีนี้ ประกอบกับราคาปัจจุบันต่ำกว่าบุ๊ค คือแค่ 0.9 เท่า P/B แถมมี Land bank ซึ่งมีต้นทุนน้อยมาก บวกกับโครงการ NUSA ONE และอีกหลายโครงการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทในระยะยาว และในครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มการโอนโครงการจะมีเข้ามากกว่าครึ่งปีแรกอีกด้วย หลังจากครึ่งปีแรกคอนโดขายดีจนเกินเป้าแล้วครับผม

นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), TVO(33.75)

ADVANC (270) UOBKH เรามองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

TVO (33.75) ตลาดมันแกว่งแรงความเสี่ยงก็เยอะ เอาหุ้นปันผลสูงๆติดพอร์ตไว้ก็ดีครับ TVO ตัวนี้ รายงานงบ Q2 ออกมาดีบวกกับ Downside risk จากราคาถั่วเหลืองตกต่ำมีน้อย เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาต้นทุนของเกษตรกรสหรัฐที่ 9USD/bushel แถมให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 58 ที่ดีราว 7% โดยคาดเงินปันผลปี 58 ที่ 1.62 บาท/หุ้น ประกอบกับปัจจุบันการปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐนั้นต่ำกว่าที่คาดไว้เพราะมีปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง ช่วยเสริม sentiment บวกให้กับราคาถั่วเหลืองในระยะกลางถึงระยะยาวด้วย ดังนั้นค่อยๆเก็บสะสม TVO ถือยาวๆกินปันผลกันนะครับ



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ธปท.ประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรงตัว ลุ้นเบิกจ่ายรัฐช่วยหนุนการเติบโต คาดเหตุระเบิดราชประสงค์กระทบท่องเที่ยวช่วงสั้น พร้อมประเมินเงินเฟ้อติดลบยาวทั้งปี เหตุราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง มองราคาน้ำมันลดหนุนสภาพคล่องธุรกิจ ขณะ"ประสาร" ชี้มาตรการกระตุ้นแก้ปัญหาระยะสั้น ห่วง ก่อหนี้เพิ่มกระทบหนี้ครัวเรือนพุ่ง

+ คลังเสนอ ครม.วันนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 เดือน วงเงินเพิ่มเป็น 1.3 แสนล้าน หวังพยุงจีดีพีปีนี้โต 3% พร้อมเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สอง เน้นสร้างแรงจูงใจให้เอกชนตัดสินใจลงทุน ขณะ"สมคิด"เรียกทีมเศรษฐกิจถกนัดแรก เน้นแก้ปัญหาสินค้าเกษตร-ค่าครองชีพ จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แพ็กเกจเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐลงไปสู่ระดับตำบล และมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้ ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีส่วนเข้าไปรับงานโครงการรัฐได้ จะได้เกิดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ

- นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงวัฏจักรขาลง และยังไม่จบแค่นี้ มีแนวโน้มที่จะลงอีก และปีหน้าสงครามการส่งออกจะแข่งขันรุนแรงกว่านี้ มีโอกาสที่สงครามนี้จะกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนผ่านการลดค่าเงินหยวนนั้นจะต้องจับตาดูให้ดี เพราะมีผลสะเทือนทั่วโลก และอาจลามเป็นโดมิโนในปีหน้า

ปัจจัยต่างประเทศ

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,528.03 จุด ร่วงลง 114.98 จุด หรือ -0.69%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.

- ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 245.84 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 18.890.48 จุด

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มด้านนโยบายการเงินของสหรัฐ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในเดือน ก.ค. หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ปรับตัวลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่ซบเซาลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

- สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 3.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.2 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ประกาศปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐ