สาว FatFighter เปิดใจเทคนิคเฟิร์มฟิตพิชิตไขมัน

สาว FatFighter เปิดใจเทคนิคเฟิร์มฟิตพิชิตไขมัน

ประสบการณ์พิชิตไขมันจาก 5 สาวไซส์ XL หลังจากที่ต้องผ่านภารกิจสุดหนักหน่วงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการลดน้ำหนักให้ได้ 30 กิโลภายใน 3 เดือน

เข้มข้นมากขึ้นทุกที สำหรับ Fat Fighter เรียลลิตี้โชว์สาวไซส์ XL กับภารกิจลดน้ำหนักให้ได้ 30 กิโลภายใน 3 เดือน ที่กำลังออกอากาศทางช่อง NOW26 ในซึ่งปัจจุบันภารกิจเดินทางมาถึงรอบ 5 คนสุดท้ายแล้ว

วันนี้พวกเธอจะมาเล่าประสบการณ์หลังจากที่ต้องผ่านภารกิจสุดหนักหน่วงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงความประทับใจจากการฝึกแม่ไม้มวยไทยเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเธอ

๐๐๐ จ๋อมแจ๋ม สุชาดา ส่งเสริม ๐๐๐

 สาวออฟฟิศหน้าหวานที่แทบไม่เคยออกกำลังกาย แต่วันนี้ จ๋อมแจ๋มได้เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอย่างสิ้นเชิง

“วันแรกที่เข้ามาถ้าเทียบกับวันนี้ รู้สึกเลยว่าทำอะไรคล่องขึ้น พฤติกรรมเปลี่ยนไปมากจากก่อนเข้ามา อย่างเช่น จะเดินขึ้นบันไดทุกวัน วันละสี่ถึงห้ารอบ เมื่อก่อนเราใช้ลิฟท์ ช่วงนั้นไม่รู้จักลิฟท์เลย จากเป็นคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย หันมาออกกำลังกาย รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น แต่ยังไม่ได้เป็นคนแข็งแรง

อาจเป็นเพราะแจ๋มอ้วนสุดในสิบคน ด้วยความที่มวลร่างกายเราเยอะ แค่เหงื่อออกน้ำหนักก็ลงแล้ว เลยลดเร็วกว่าเพื่อน ทำให้เรารู้สึกว่าไม่น่ายากถ้าเราทำได้ แต่ก็ไม่ชะล่าใจ เราเพิ่มการออกกำลังกายหนักขึ้น ลดอาหารน้อยลงมาก แจ๋มทำงาน เราเลยมีเวลาออกกำลังกายแค่ตอนเช้ากับตอนเย็น เราก็ตื่นให้เช้าขึ้น ตีห้า เราเริ่มออกกำลังกายที่ห้อง เลยเล่นฮูลาฮูปชั่วโมงหนึ่งก่อนไปทำงาน ส่วนหลังเลิกงานเราก็ไปว่ายน้ำ มีเวลาก่อนและหลังทำงานอย่างละหนึ่งชั่วโมง ส่วนการกิน เราลดทั้งปริมาณและประเภทอาหาร เดิมเราชอบกินแต่ของทอด คืออะไรก็ตามที่คนอ้วนกินแจ๋มชอบหมด พอเข้ารายการกลายเป็นตอนเช้าเราจะกินแค่น้ำเต้าหู้ ถ้าเที่ยงเราก็กินข้าวครึ่งทัพพีกับแกง เย็นไม่กิน ด้วยความที่น้ำหนักเราเยอะช่วงแรกแจ๋มเลือกใช้วิธีว่ายน้ำ ถ้าเหนื่อยมากๆ เราก็ตีขาในน้ำแทน ตอนแรกก็ตีวันละสองพันครั้ง แล้วเริ่มเป็นห้าพันครั้งทุกวัน

แจ๋มไม่มีเคล็ดลับอะไร คิดแค่ว่าเราต้องทำได้  ตั้งเป้าว่าเราต้องสามารถควบคุมใจตัวเองไม่ให้ไปตามสิ่งเร้าพวกนี้ ซึ่งฝึกจิตใจเราให้รู้จักเข้มแข็งไปด้วยค่ะ เมื่อก่อนเราเคยลดเอง แต่ว่าน้ำหนักก็ขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่เอาแล้วค่ะ เหนื่อยมาก(ลากเสียง) รู้เลยว่าทรมานมาก มีบ้างเรารู้สึกอยากกินนู่นนี่ แต่พอไปถึงหน้าร้านอาหารเรากลับไม่กล้าเดินเข้าไปซื้อ เราไม่อยากทรยศตัวเอง เพราะเรารู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน

หลายครั้งที่ท้อมาก เรารู้สึกว่าตอนที่เราอ้วนเราก็อยู่ได้ ทำไมเราต้องมานั่งทำอะไรอย่างนี้ เวลาไม่มีกำลังใจจะคิดทุกอย่าง ก็จะโทรไประบายกับคุณพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด แจ๋มจะนึกถึงคำที่พ่อเคยสอนเสมอว่า “ถ้ามันเหนื่อย พักเดี่ยวก็หาย”

การถ่ายรายการเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เป็นอีกสังคมหนึ่งเลย ในชีวิตปกติเราจะมีทั้งเพื่อนที่ผอมและอ้วน แต่รายการนี้เรามีเพื่อนอ้วนเหมือนเราหมดเลย ทุกคนมีความรู้สึกเหมือนเรา เวลาเราคุยอารมณ์เดียวกัน อย่างคุยกันเรื่องอาหารเราคุยได้สะดวกใจมาก ที่ชอบที่สุดชอบตอนเรียนมวย ตอนที่ไม่มีทักษะก็ยาก แต่พอทำได้แล้วรู้สึกภูมิใจ ยิ่งซ้อมเรื่อยๆ เรายิ่งทำได้ ก็รู้สึกว่าไม่ยากอย่างที่คิด

เรารู้สึกว่าคนภายนอกเวลาที่เขามองเรา เขาเห็นเราแตกต่างจากเขา ทั้งที่เราคิดว่าเราเหมือนคนปกติทั่วไป บางทีโดนล้อไม่โกรธนะคะ แต่ก็คิดในใจว่าถ้าเราผอมเราก็คงไม่โดนล้อแบบนี้ไหม ก็อยากโดนล้อสวยๆ บ้าง (หัวเราะ) แจ๋มไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดเขาได้ แต่แจ๋มคิดว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะจะลดให้ได้อีกเหลือสักเจ็ดสิบกิโลกรัม หลังรายการเราก็ยังคงลดต่อแน่นอน

ตอนนี้เสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่หมดเลย แต่เป็นการเปลี่ยนที่เราเต็มใจมากๆ และพร้อมที่จะเปลี่ยนมากๆ ค่ะ”

๐๐๐ ฟ้า รัมภ์รดา เพ็งพงษา ๐๐๐

            สาวห้าวหน้าคม “ฟ้า” ที่ตัดสินใจเข้าร่วมรายการด้วยความฝันว่าอยากเรียนมวยไทยอย่างจริงจังสักครั้งในชีวิต

“เมื่อก่อนจะเป็นคนกินเยอะ แล้วก็นอนดึก พอเข้ามาก็กินน้อยลง นอนเร็วขึ้นตื่นเช้า ดูแลตัวเองมากขึ้น ตอนแรกก็ทรมานที่ต้องลดปริมาณการกิน แต่สักพักเริ่มชิน จนตอนนี้เรากินเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่กินเยอะอีกแล้ว

เข้ามาช่วงแรกเครียดนะ เพราะคนอื่นลดลงเยอะมาก ตอนแรกก็ตั้งเป้าไว้ว่าสามสิบกิโลกรัมเลยค่ะ  เข้ามาสองสัปดาห์แรก พี่แจ๋มเขาลดไปเยอะมากสิบสี่กิโล ตอนนั้นหนูท้อไม่มีแรงจะลดเลย คิดว่าขอลดตามกำลังตัวเองแล้วกัน เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนูลดน้อยที่สุด แม่ก็บอกว่าอย่าหักโหม ลดทีละหน่อยพอ แต่เราก็ลดลงเรื่อย เดือนหนึ่งถึงสองกิโลกรัม ตอนนี้คนอื่นเห็นเรา เขาบอกลงไปเยอะมาก

คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่เราขี้เกียจเองด้วยไงก็คิดว่าได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ฟ้าเป็นคนเดียวในรายการที่ไม่ได้สมัครฟิตเนส เพราะด้วยนิสัยฟ้าไม่สามารถทำกิจกรรมซ้ำๆ เดิมๆ ได้ เราเลยใช้วิธีเต้นอยู่บ้าน ตอนเช้าแม่ก็พาไปวิ่งที่สวนจตุจักร ออกกำลังกายเองที่บ้าน กินปกติ แต่แป้งแทบไม่กินเลย อาจกินแค่ทัพพีเดียวให้ร่างกายอยู่ตัว

ชอบชกมวยมากๆ เพราะเราชอบกีฬาแนวนี้ มวยได้ออกแรงหลายส่วนของร่างกาย ชอบหมัดกับเตะ มันเบิร์นขาดีมาก ศอกก็อันตรายดี ตอนแรกก็คิดว่าแค่อยากลองชกมวย แต่กลายเป็นว่าเป็นกีฬาที่ลดได้ทุกส่วนแถมลดง่ายด้วย บางวันลดได้วันละกิโลกรัมได้เลย ตอนเช้าชั่ง  95 ตอนเย็นเหลือ 94 ครูมวยก็น่ารัก ช่วยแนะนำเรา ก็รู้สึกดีมากที่มีรายการนี้ขึ้นมา แล้วให้เราได้มีโอกาสชกมวย แต่หนูไม่ค่อยกล้าไปฝึกที่ค่ายมวยเท่าไหร่ พี่เขาให้บัตรมาฟรีเราก็ไม่กล้าไป เพราะอายที่เราอ้วน ค่ายมวยมีแต่คนหุ่นดีๆ

ที่จริงหนูเป็นคนเข้ากับคนอื่นยาก เพราะหน้าหนูดุ เวลานิ่งๆ จะไม่มีใครกล้าเข้าหา ดูร้ายที่สุดในรายการ ตอนออดิชันไม่มีใครคุยกับหนูเลย บางครั้งรายการตัดออกมาหนูมานั่งดูตัวเอง ยังคิดว่าเราพูดอะไรน้ำเสียงดูห้วนๆ เป็นฉันก็คงไม่ชอบเธอ ก็จะโดนพี่โปรดิวเซอร์ว่าประจำว่าพูดจาห้วน แต่หลังๆ ก็ปรับวิธีการพูดให้ดูโทนเสียงเล็กลงนิดหนึ่ง ตอนแรกที่เข้ามาในรายการเลยกลัวว่าจะไม่มีเพื่อน แต่กลายเป็นว่าเรามีเพื่อนเพิ่มขึ้น แล้วก็ประทับใจทีมงาน เราเคยคิดว่า แค่เข้าไปรายการหนึ่ง คงสั่งถ่ายๆ เสร็จกลับบ้าน แต่ทีมงานจะคุยกันตลอดเป็นพี่น้อง

หนูประทับใจเพื่อนหลายคนเลย เจนนี่จะเป็นคนที่ดูเหมือนเป็นคนเรียบร้อย บุคลิกเหมือนคุณหมอ แต่ความจริงไม่ใช่เลย เวลาคุยกันเขาจะมีมุมฮาๆ ส่วนพี่โจ๋เป็นพี่ที่สนิทที่สุดในรายการ เหมือนคุยกันได้ทุกเรื่องเพราะมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้กัน แล้วก็พี่จ๋อมแจ๋ม เป็นคนที่คุยด้วยปรึกษาด้วยได้ดีที่สุดเวลามีปัญหาอะไร ส่วนพี่ก้อยภายนอกดูแมนมาก แต่ตัวจริงเป็นสาวหวาน ขัดกับลุคเขามาก เช่น นั่งเย็บหมวก”

การทำงานถึงจะมีปัญหาบ้าง แต่สำหรับหนูก็เหมือนคนในครอบครัวที่ต้องมีปัญหากันเป็นเรื่องปกติ เพราะเราอยู่ด้วยกันต้องสามเดือนจะไม่มีปัญหาเลยคงเป็นไปไม่ได้

สำหรับหนูการมีโอกาสได้เข้ารายการนี้ คงเป็นเรื่องดวงส่วนหนึ่ง เพราะน้ำหนักและภารกิจหนูร่อแร่มาตลอด พ่อก็บ่นเล็กน้อยว่าเสียค่ารถ ค่าใช้จ่ายเยอะ ไม่เห็นได้อะไรกลับมาเลย แต่หนูว่ามันคุ้มค่ะ เพราะหนูได้ประสบการณ์ที่มีค่ามาก

 

๐๐๐ มุกกี้ กิตติญา ฉัตรเฉลิมวิทย์ ๐๐๐

การเห็นคนในครอบครัวเจ็บป่วยเพราะความอ้วน เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของมุกกี้ที่จะมีสุขภาพที่ดีกว่าเดิม

“สำหรับหนูไม่มีเป้าหมายว่าต้องลดได้กี่กิโล แค่อยากสุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องผอมเพรียวเลย เพราะที่บ้านมีโรคกรรมพันธุ์ เลยไม่อยากทรมานเพราะโรค สิ่งที่เปลี่ยนจริงๆ คือเวลาออกกำลังกายเหนื่อยน้อยลง ปกติตอนแรกที่เดินแค่ในมหาวิทยาลัยก็เหนื่อยแล้ว ตอนนี้เราวิ่งได้ ก็จะใช้วิธีควบคุมอาหารกับออกกำลังกายควบคู่กันไป ถ้าวันไหนกินเยอะก็จะรู้ตัวว่าต้องออกกำลังกายให้เยอะขึ้น เรื่องลดอาหารสำคัญสุด ช่วงแรกทรมานหน่อย พอชินก็ลดลงเรื่อยๆ พอน้ำหนักลงมาแล้วจะอยู่ตัวเราต้องออกกำลังกายเพิ่มขึ้น และลดอาหารลง

อาจเป็นเพราะมีพื้นฐานที่ดีในการออกกำลังกาย เพราะเดิมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว ตอนฝึกมวยไทยก็เลยไม่ยากมาก ถ้าในระดับพื้นฐานหนูพอทำได้ ตอนเรียนชอบมวยท่าเข่าที่สุดเพราะรู้สึกว่าเวลาเล่นมวยส่วนใหญ่เราก็เน้นแค่ เตะ ต่อย ออกหมัด แต่ไม่ค่อยได้เล่นเข่า มันแปลกใหม่ดี ถ้าเกิดต่อยกันจริงก็คงยาก เพราะขนาดเราต่อยไม่กี่นาทียังรู้สึกเหนื่อยมาก แต่น้ำหนักลงเร็วมาก

ส่วนเพื่อน ตอนแรกก็คิดว่าเจอแค่ในรายการ แต่กลายเป็นเราก็ยังเป็นเพื่อนกันด้วย เจอนอกรอบกันบ่อย ไปเที่ยวกันคุยกันตลอด หนูประทับใจโยโย่ค่ะ ตอนออดิชั่นเขาเป็นคนหน้าดุ แต่พอได้มาคุยจริงๆ เขาเป็นคนสนุกสนานตลก

หนูเป็นคนไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ คือแค่ลุ้นเฉยๆ ว่าจะลดได้เท่าไหร่ ถ้าออกจากรายการก็คิดจะลดต่อ ตอนดูเทปแรกรู้สึกว่าตัวเองหน้าบวมมาก พอมาเทียบกับตอนนี้แล้ว คนที่เคยเจอทุกวันก็ทักว่าผอมลง แต่หนูอยากให้ได้สักเจ็ดสิบ ที่บ้านเขาก็อยากให้ลดลงอีก แต่เพื่อนบอกว่าหนูอ้วนน่ารักกว่า

สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก สิ่งแรกคือต้องมีแรงบันดาลใจว่าเราจะลดไปเพื่ออะไร อยากให้คิดว่าทำเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องลำบากภายหลัง ต้องมีสติว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังลดน้ำหนักอยู่นะ อย่างไปกินข้าวกับเพื่อนหนูก็ไปนั่งเฉยๆ ตอนแรกก็ทนไม่ไหว แต่ตอนนี้หนูฝึกวิทยายุทธแก่กล้าแล้ว ต้องมีความอดทนสูงอยู่เหมือนกัน วิธีตัดใจคือหนูจะคิดถึงตอนที่ต้องออกกำลังกายเหนื่อยๆ เพื่อที่จะเบิร์นสิ่งที่ร่างกายกินเข้าไปออกมา

๐๐๐ ใหม่ ปิยะมา เนตรประไพ ๐๐๐

          ใหม่สาวหน้าสวย ที่มีบุคลิกแบบสาวทำงานรุ่นใหม่ เธอมีแนวคิดที่ว่าการลดน้ำหนักจะช่วยเสริมบุคลิกของเธอให้ดูดียิ่งขึ้นได้

“ปกติใหม่เป็นคนแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าเรากระฉับกระเฉงมากขึ้นมากกว่า จากร่างกายที่ลด ไซส์ของเสื้อผ้าลดลง ส่วนตัวเป็นคนเล่นกีฬา อย่างกีฬาเอาท์ดอร์ใหม่เล่นหมด มวยไทยก็เป็นกีฬาที่ใหม่ไม่เคยทำ ซึ่งพอได้เล่นรู้เลยว่า ถ้าเรามีวินัยไปเล่นมวยไทยได้อย่างน้อยอาทิตย์ละห้าครั้ง รับรองว่าสามารถลดได้ถึงสามสิบโลตามเป้าอย่างแน่นอน มวยช่วยให้น้ำหนักลงเร็วจริงๆ อย่างวันที่ไปซ้อมมวยที่รีเจนท์ ก็จะลงไปกิโลกว่า ครูฝึกบอกว่าเดือนหนึ่งสามารถลดลงได้ 7-10 กิโลกรัม

รายการนี้เราได้รู้เรื่องมวยไทยมากขึ้นและได้รู้วิธีลดน้ำหนักแบบใหม่มากกว่าสิ่งที่เราเคยรู้ จากแต่ก่อนไม่เคยอยู่ในสายตา ถ้าอาทิตย์ไหนที่ร่างกายใหม่มีความพร้อมก็จะสนุกมาก ใหม่ชอบภารกิจตอนของพี่สมจิตร ที่เรียนศอกค่ะ อาจเป็นเพราะเราทำได้ด้วยดี ใหม่เป็นคนที่เวลาเตะจะไม่ค่อยมีแรงขา แต่ถนัดช่วงบนมากกว่า แต่เพื่อนบางคนเขาจะมีพื้นฐานเป็นนักกีฬามาก่อน อย่างพี่ก้อย เวลาเขาเตะเสียงดังมาก เราฟังทีก็สะดุ้ง ตกใจเลย ฟังแล้วทำเราเสียกำลังใจไปเลย (หัวเราะ)

แล้วก็ชอบภารกิจทหาร สนุกสุดสำหรับใหม่นะ เพราะชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์ ทุกคนบ่นว่าภารกิจทหารทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บทั้งร้อน แต่เป็นกิจกรรมที่เราชอบที่สุด

ใหม่มีเป้าตั้งแต่แรกที่เข้ามาร่วมรายการแล้วว่า อย่างน้อยเราต้องเข้ารอบสุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าต้องเหลือกี่คน แต่เราขอเป็นหนึ่งนั้น มันคือ Goal ของเรา ใหม่มองว่าเราไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองว่าต้องให้ชนะหรือทำให้ได้สามสิบกิโลกรัม รู้อยู่แล้วว่าเราคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะเราน้ำหนักน้อยที่สุดตอนเข้าไป เราแค่รู้สึกว่าเราอยากมีแรงบันดาลใจในการมาร่วมลดมากกว่า รู้สึกว่าอยากทำอะไรให้กับร่างกายเรา แต่ยอมรับว่าบางทีเราก็ไม่ได้เต็มที่ตลอด เพราะการแข่งขันใช้ระยะเวลาสามเดือน ช่วงที่เราลด ก็อาจมีช่วงที่เราปล่อยฟรีบ้าง

แรงบันดาลใจของใหม่มาจากคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา อย่างครอบครัว คนที่แคร์เรา เพราะเขาอยากให้เรามีบุคลิกภาพดี ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในสังคม คนส่วนใหญ่จะมองคนที่บุคลิกภายนอก สรีระ ซึ่งถ้าเราทำได้ก็เป็นผลดีต่อตัวเรา

แต่พอใหม่ทำงานนอกบ้านก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ เราเห็นนู่นนี่เราอยากกิ บางครั้งเราไม่ได้อยู่ในแหล่งที่เลือกอาหารเพื่อสุขภาพได้ พอเป็นแบบนี้บ่อยเข้า ก็ทำให้วงจรชีวิตเราเสีย

พอเข้ามารายการใหม่ไปฟิตเนสทุกวัน ก็จะเอาผลไม้ พวกแอปเปิ้ลเขียวไปกิน ออกกำลังกายเสร็จแล้วต้องรีบกลับบ้านทันที เชื่อไหมว่าการอยู่แต่ที่บ้านกับฟิตเนสเป็นการทำให้น้ำหนักเราลงเร็วมาก เพราะถ้าอยู่ข้างนอกบางทีเราเจอคนนู้นนี้ ก็อดไม่ได้

การลดน้ำหนักมีเรื่องอารมณ์ด้วยนะ ใหม่จะใช้หลักของ 3 อ. อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ คือนอกจากการควบคุมเรื่องอาหารและออกกำลังกายแล้ว ใหม่จะปล่อยตัวเองฟรี เดือนหนึ่งประมาณสี่ถึงห้าครั้ง อาจจะกินบุฟเฟต์ได้สักวันหนึ่งในหนึ่งสัปดาห์

ถามว่าพอใจไหม ใหม่ยังไม่พอใจ เพราะตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะลดให้เหลือสักเจ็ดสิบ ซึ่งจะเป็นอะไรที่ใส่ของผู้หญิงได้ปกติและบุคลิกภาพก็จะดีขึ้น คิดว่าถ้าจบรายการนี้ไปน่าจะให้เวลาตัวเองสักหนึ่งปี”

 

๐๐๐ ก้อย ธนพร ลิ่มวงศ์สุวรรณ ๐๐๐

You Are What You Eat” คือเคล็ดลับสำคัญในการลดน้ำหนักที่เธอค้นพบ  

เมื่อก่อนเป็นคนที่กินเพราะอยากกิน แต่ตอนนี้ก่อนกินเราคิดมากขึ้น ปรับปริมาณให้ลดลง เราลดกินลงมาเยอะน่าจะเกินครึ่งค่ะ ก้อยจะค่อยๆ ลด ช่วงแรกเราจะเลือกประเภทอาหาร ไขมันน้อย เดือนแรกไม่ทานแป้งเลย แต่หลังๆ น้ำหนักเราไม่ลดเพราะว่าเราทานแป้งน้อยเกินไป ร่างกายไม่รู้จะเอาอะไรไปเผาผลาญ เราก็เลยลองปรับตารางอาหารใหม่ ก้อยจะทานแค่มื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันกับเย็นถ้าหิวจริงๆ ก็ทานผลไม้แทน ต้องพยายามไปฟิตเนสทุกวัน พอมาทำแล้วก้อยได้รู้เลยว่าเรื่องอาหารสำคัญมาก เพราะถึงคุณออกกำลังกายมากแค่ไหนสามสี่ชั่วโมง แต่ถ้ากินอาหารในปริมาณที่อยากกินทุกอย่างเท่าเดิมก็ไม่ช่วยอะไร

ที่ชอบที่สุดของรายการนี้ คือการได้เรียนมวย ก้อยเคยเล่นเทคควันโดมาก่อน พอได้มาลองมวยไทยรู้สึกว่าสนุก ชอบท่าเตะ และอีกอย่างคือเราได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีก 9 คน มันทำให้เรามีแรงฮึด เมื่อก่อนก้อยเคยลดน้ำหนักเอง ก็ไม่ได้เท่านี้

 ก้อยประทับใจจ๋อมแจ๋ม ถึงแม้วิธีของเขาจะดูค่อนข้างโหดร้ายกับตัวเอง แต่จ๋อมแจ๋มมีความมุ่งมั่น ใจแข็งและใจสู้มากสามารถลดได้ขนาดนี้ คือเขากล้าตัดใจที่จะไม่กินก็ไม่กินจริงๆ เขาตัดสินใจจะทำแล้วเขาก็มุ่งมั่น

ก้อยคิดว่าเรื่องการลดน้ำหนักอยู่ที่ความตั้งใจและพยายามของเราอย่างเดียวเลยนะ คือไม่จำเป็นที่คุณต้องมีพื้นฐานด้านกีฬา หรือต้องไปสมัครฟิตเนส อยู่กับบ้านก็สามารถลดน้ำหนักได้ สิ่งสำคัญคือวินัย จริงๆ แล้วการลดน้ำหนักสำคัญที่สุด อยู่ที่อาหาร ถ้าเราจำกัดเรื่องอาหารให้พอดีกับที่เราใช้แต่ละวันก็ได้แล้ว เป้าหมายก้อยถ้าทำได้ก็อยากเห็นเลข 6 ค่ะ ก็เลยคิดอยากลดต่อไปแม้รายการจะจบไป สิบกิโลกรัมเรายังทำได้ อีกยี่สิบกิโลต่อไปทำไมเราต้องหยุดล่ะ อาจแค่ขยายระยะเวลาออกไป

อีกสิ่งที่ได้จากรายการทำให้เราเริ่มปรับมุมมอง บางครั้งเราเคยชินจากการตัดสินใจจากทัศนคติส่วนตัวของเรา คิดไปเองก่อนที่จะได้ทำ อย่างเช่นเรื่องแต่งตัวสไตล์ นี้ไม่น่าเหมาะกับเรา มีคนให้คำแนะนำเราว่าทุกอย่างต้องลองดูก่อน อย่าเพิ่งไปตัดสิน เปิดใจมากขึ้นกว่าเดิม

* หมายเหตุ...รายการ 'Fat Fighter เฟิร์มฟิตพิชิตล้าน' ออกอากาศทุกวันเสาร์ 19.00-20.00 น. ทีวีดิจิทัลช่อง NOW26