จับลุงวัย59 ข่มขืน6นักเรียนหญิงนานนับปี

จับลุงวัย59 ข่มขืน6นักเรียนหญิงนานนับปี

ตร.จับลุงวัย59 ล่อลวงข่มขืน6นักเรียนหญิงนานนับปี ผู้ปกครองเหยื่อรายหนึ่ง ชี้ผู้ต้องหาเป็นลุงแท้ๆ แต่ทำกับเหลนได้ ลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม นางดาวเรือง (นามสมมติ) อายุ 35 ปี พร้อมด้วยเพื่อนบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันรวม 5 คน หมู่แห่งหนึ่ง ในต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.ท.ซึ่งเฉลี่ย ไตรวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา อีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ได้เข้าแจ้งความไว้ครั้งหนึ่ง ให้ดำเนินคดีกับ นายสมจิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ชาวต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ก่อเหตุลวงเด็กหญิง เอ บุตรสาววัย 8 ขวบนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลท่าตะเกียบ ไปข่มขืนกระทำชำเราเมื่อราวกลางเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เหตุเกิดบริเวณป่ายูคาลิปตัส ด้านหลังโรงเรียนที่เรียนอยู่

นางดาวเรือง มารดาเด็กหญิงเคราะห์ร้ายเล่าว่า ดญ.เอ บุตรสาวเรียนอยู่ชั้น ป.2 ก่อนหน้าที่เรื่องจะแดงขึ้นมา สังเกตเห็นบุตรสาวมีอาการเซื่องซึมผิดปกติและไม่ยอมไปโรงเรียน โดยเฉพาะเวลาที่นายสมจิตร  ขี่จยย.ซาเล้งไปรับ ก็จะพยายามหลบหนีไม่ไปด้วย ซึ่งปกติแล้วจะจ้างนายสมจิตร เพื่อนบ้านรับส่งไปกลับโรงเรียนทุกวันเสียค่ารับส่งเดือนละ 200 บาท จึงพยายามคาดคั้นจนได้ความจริง

โดยบุตรสาวเล่าว่า ถูกนายสมจิตร ลวงไปข่มขืนที่บริเวณป่ายูคาลิปตัสด้านหลังโรงเรียนหลายครั้ง โดยนายสมจิตร ออกอุบายว่า จะพาไปตัดไม้ เมื่อถึงกลางป่าก็ลงมือข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นให้เงินจำนวน 50 บาท พร้อมกำชับห้ามนำเรื่องไปบอกกับใคร ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้ขึ้นรถไปโรงเรียนและจะฆ่าให้ตาย นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ ที่โดยสารรถซาเล้งของนายสมจิตร ก็ถูกกระทำชำเราในลักษณะเดียวกันด้วย

นางดาวเรือง ผู้ปกครองเด็กหญิง เอ ยังบอกด้วยว่า หลังทราบเรื่องว่า เด็กหญิงเอ บุตรสาวคนเล็ก ถูกนายสมจิตรฯกระทำชำเรา เด็กหญิง บี.อายุ 11 ปี บุตรสาวอีกคน ก็สารภาพว่า ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.2 ก็เคยถูกนายสมจิตร ข่มขืนกระทำชำเรามาแล้วเช่นกัน สร้างความเจ็บปวดใจ และไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า นายสมจิตรฯ จะกลายเป็นคนเช่นนี้

จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าตะเกียบ และให้เดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ท่าตะเกียบ ตนเองเกรงว่า นายสมจิตร ผู้ก่อเหตุจะรู้ตัวและหลบหนีไปก่อน จึงไปปรึกษากับ น.ส.รัชนี ศรีนำคำ สมาชิก อบต. ม.15 ก่อนพาเข้าพบ ร้อยตรีเดชสิทธิ์ ดำดง ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 1306 กรมทหารพรานที่ 13 ให้ช่วยเหลือและนำกำลังไปจับกุมตัวนายสมจิตรได้ที่บริเวณเล้าหมู ด้านหลังบ้านพัก ก่อนที่จะนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบควบคุมตัวไปสอบสวน

เช่นเดียวกับ เด็กหญิงจอย (นามสมมติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนเดียวกัน บอกว่า ถูกนายสมจิตร  คนขับรถซาเล้งรับส่งไปโรงเรียน ข่มขืนกระทำชำเรามาตั้งแต่เรียนชั้น ป.2 แล้ว ล่าสุดถูกกระทำชำเราจนมีอาการเป็นไข้ นอนซมไปโรงเรียนไม่ไหว โดยบอกว่าแต่ละครั้ง นายสมจิต ฯจะออกอุบายให้ไปช่วยทำโน่นทำนี่ ด้านหลังโรงเรียนบ้าง ตามป่าข้างทางบ้าง

เมื่อสบโอกาสก็จะลงมือกระทำชำเราทันที เมื่อสำเร็จความใคร่ ก็จะให้เงินครั้งละ 50 บาท 100 บาท และทุกครั้งจะขู่อาฆาตห้ามนำเรื่องไปบอกกับใครไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย ด้วยความกลัว จึงต้องยอมทำตามนายสมจิตร ทุกครั้ง นอกจากนี้ยังมีผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงอีก 3 ราย พาบุตรสาววัย 8-11 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนพร้อมให้การในลักษณะเดียวกัน

ด้าน พ.ต.อ.ธีรวัจน์ เพิ่มวัฒนชัยกุล ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายสมจิตร อายุ 59 ปี ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจารและกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยด็กยินยอมหรือไม่ก็ตาม ส่วนข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีนั้น

ต้องรอผลการตรวจชันสูตรจากแพทย์โรงพยาบาลท่าตะเกียบว่าปรากฏหลักฐานการถูกกระทำชำเราหรือไม่ ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง รุ่งขึ้นจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราและคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า เป็นคดีที่สำคัญและผู้ต้องหาเป็นผู้ที่สนิทสนมกับครอบครัวผู้เสียหาย เกรงว่าอาจจะไปข่มขู่

พ.อ.สุรินทร์ เจริญชีพ หน.ชุดปฏิบัติการปราบปรามพิเศษจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางไปให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียหายที่ สภ.ท่าตะเกียบ และเปิดว่า ได้รับมอบหมายจากนายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เข้าไปช่วยเหลือดูแลครอบครัวของผู้เสียหายอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่า เป็นคดีที่สะท้อนสังคม โดยกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่

ผู้ปกครองเด็กหญิงเหยื่อรายหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า นายสมจิตรเป็นคนบ้านเดียวกันและเป็นลุงแท้ๆ อุตส่าห์ไว้เนื้อเชื่อใจไม่นึกเลยว่าจะมาเป็นคนแบบนี้ ทำได้กับเด็กรุ่นหลายรุ่นเหลน อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหากยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะร้องเรียนไปถึงมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรีให้ลงมาดูแลช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง