นายกฯหนุนกองทุนหมู่บ้าน หวังชุมชนมีงานสร้างรายได้

นายกฯหนุนกองทุนหมู่บ้าน หวังชุมชนมีงานสร้างรายได้

"พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯหนุนกองทุนหมู่บ้าน หวังชุมชนมีงานสร้างรายได้ ย้ำกรรมการหมู่บ้านต้องโปร่งใสตรวจสอบได้

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่า กองทุนหมู่บ้านฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เพิ่มทุนระยะที่ 3 ไปแล้วนั้น จะเป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนให้แต่ละชุมชนได้ใช้เงินทุนเพื่อการพัฒนาชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้ และวางรากฐานชุมชนให้เข็มแข็งตามทิศทางที่เหมาะสม

“นายกฯ ยังมีเป็นห่วงในเรื่องการนำเงินไปใช้ที่อาจไม่ก่อให้เกิดความยั่งยืน และสร้างภาระในการหาเงินมาชำระคืนกองทุน เช่นใช้จ่ายซื้อสินค้าของใช้ฟุ่มเฟือย จึงอยากให้ประชาชนวางแผนการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้กรรมการหมู่บ้านยังเป็นกลไกที่สำคัญ เพื่อให้กองทุนมีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์ในการพัฒนา หากคณะกรรมการหมู่บ้านซึ่งดูแลกองทุนฯ มีความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดมั่นในหลักการเพื่อส่วนรวม เชื่อว่าทุกกองทุนจะเป็นส่วนเสริมเศรษฐกิจให้แข็งแรงในระดับชุมชนได้” โฆษกประจำสำนักฯ กล่าว

พลตรีสรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ หน่วยงานภาครัฐที่มีโครงการจ้างงานในพื้นที่ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งการจ้างงานเพื่อเดินหน้าโครงการต่างๆ อย่าเพียงจ้างงานแล้วจบกัน ควรมีการถ่ายทอดเทคนิคยกระดับฝีมือการทำงาน ให้เป็นผู้มีทักษะที่จะประกอบอาชีพได้ด้วยต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามหากมองเป็นภาพรวม จะเห็นว่า การจ้างงานภาครัฐนอกจากจะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนแล้ว ยังสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งหากใช้โอกาสนี้ฝึกฝนฝีมือ เมื่อจบโครงการจ้างงาน ก็อาจจะไปกู้ยืมเงินจากกองทุนหมู่บ้านฯ มาเป็นทุนประกอบอาชีพตามระดับความสามารถ หากยังไม่เกิดมั่นใจก็สามารถเข้าอบรมฝีมือแรงงานได้อีก ซึ่งกระทรวงแรงงานเปิดอบรมตลอดทั้งปี ซึ่งทั้งหมดนี้จะ เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี

พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯ ยังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามตรวจสอบราคาสินค้าที่จำเป็นสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนเพื่อไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยที่ราคาเชื้อเพลิงภาคขนส่งลดลงอย่างต่อเนื่อง หากพบผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งขัดกับประกาศ คสช. อย่างชัดเจน