ชี้อุปสรรคปฎิรูป ทัศนคติคนไทย-หวาดระแวง

ชี้อุปสรรคปฎิรูป ทัศนคติคนไทย-หวาดระแวง

"พล.อ.สุรศักดิ์" รมว.ทส. ชี้อุปสรรคปฎิรูป คือทัศนคติคนไทยและสังคมที่หวาดระแวง วอนลดความเห็นต่างเพื่อเดินหน้าประเทศ

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)เป็นประธาน ในฐานะประธานคณะกรรมการปรองดองและการปฎิรูป เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมนาเรื่อง “การปฎิรูปอย่างไรให้ยั่งยืน”เพื่อให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและระดมประสพการณ์จากทุกภาคส่วน สำหรับใช้เป็นหัวข้อในการปฎิรูปด้านต่างๆทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยมีตัวแทนทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน การปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไป จำนวน 200 คน

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่หวาดระแวง ขณะที่เราทำความดี แต่ไม่เชื่อว่าคนอื่นจะทำความดีเหมือนเรา ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ เช่น ตนไปพบปะกับผู้นำชุมชนแห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยดูแลทรัพยากรป่าไม้ เขาก็รับปากจะดูแลให้ ตราบใดที่ไม่มีคนอื่นเข้ามาบุรุก เพราะเขาจะรู้สึกเสียผลเปรียบ ตัวนี้อันตรายเพราะ เมื่อเห็นคนอื่นล้ำเส้น ตัวเองจะลำเส้นเหมือนคนอื่นไปด้วย ตรงนี้จะทำอย่างไรให้คนไทยมีความอดทนสูง ถึงวันนี้บ้านเมืองผ่านสิ่งต่างๆมามาก อยากให้ลองทบทวน ก่อนเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นอย่างไร มีความคิดเห็นต่าง จนกระทั้งมีการใช้ความรุนแรงต่อกัน จนกระทั้ง คณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.)เข้ายึดอำนาจ และวางโรดแม็ปการทำงานไว้ 3ระยะ

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การบริหารประเทศในขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดระเบียบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตนได้รับเกียรติให้เป็นรัฐมนตรีมา 2กระทรวง ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่อะไร แต่ยอมรับว่าการเป็นรัฐมนตรีทำงานยากและอึดอัด เพราะทำงานการเมืองต้องมีคอนเน็คชั่นมาก อยากเอาคนเก่งมาช่วย ก็ต้องเช็คประวัติอย่างละเอียด ตนตัดเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง เพราะถ้าเอามาจะมาขอโควต้า บางคนมาหาพร้อมซองมาด้วย ก็ไม่พ้นกับดักเดิมๆในสังคมไทย เราเป็นรัฐบาลในสภาวะที่ไม่ปกติ ก็ต้องรอให้มีผู้บริหารมืออาชีพรับช่วงต่อในช่วงการปฎิรูป

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า จากนี้ไปเราจะอยู่กับแบบเดิมๆคงไม่ได้ การปฎิรูปประเทศให้เกิดความยั่งยืนถือเป็นความจำเป็น เพราะต้องนำพาประเทศความเป็นอารยะ และเท่าเทียมกับชาวโลกเป็นสิ่งสำคัญมากพอสมควร ต้องทำตามกติกาและมาตราฐานโลก และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือทำอย่างไรให้คนไทยดำรงชีวิตได้มีความสุข ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ต้องศึกษาว่า สังคมไทยทำอย่างไรให้ไปด้วยกันได้ อย่าเอาแบบดีสุดยอด แต่คนอีกส่วนหนึ่งไปด้วยไม่ได้ อันนี้ก็อันตราย เพราะเป็นความคิดสุดโต่ง คนอื่นรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นทำอย่างไรมาหารเฉลี่ย และอยู่ตรงกลางที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ดังนั้นประเทศไทยจะเป็นอย่างไร อยู่ในมือคนไทยทุกคน ความเห็นต่างบางครั้งต้องยอมลดลงบ้าง เพื่อรับสภาพบ้านเมืองของเรา

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเรื่องรัฐธรรมนูญ มีคนบอกกันว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นฉบับที่ดีที่สุดเพราะเป็นฉบับของประชาชนจริงๆ ในขณะที่มองว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ดี เป็นเผด็จการ แต่พอถามถึงเนื้อหาสาระ ในรัฐธรรมนูญทั้ง2ฉบับ กลับไม่มีใครตอบได้ว่า มีกี่มาตรา เนื้อหาเป็นอย่างไร เพียงแต่บอกว่า ฟังเขาพูดมาอีกที นี่คือสิ่วน่าเป็นห่วง เพราะคนไทยจะฆ่ากันตายก็เพราะ เขาบอกมานี้แหละ ซึ่ง เขาที่ว่า ไม่มีตัว จึงอยากจะฝากเรื่องนี้เอาไว้ ขออย่าปฎิเสธทหาร เพราะทุกคนที่เข้ามาทำงาน ก็อยู่ในกองทัพและทำงานแบบนี้มาตลอดชีวิต

“จากนี้ไปอุณหภูมิทางการเมืองจะเพิ่มขึ้นเรื่องๆ เพราะกำลังอยู่ในช่วงที่สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.)จะมีการโหวตรับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงหน้าตาของร่างรัฐธรรมนูญว่าสมบูรณ์หรือไม่ ทำไมหน้าตาเป็นเช่นนี้ พอไม่เป็นไปตามที่เราอยากได้ ก็บอกว่า ขี้เหร่ เหมือน ผู้ชาย10คนมองผู้หญิง ก็ไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบนั่น ชอบแบบนี้ ลักษณะเช่นนี้ เราจึงต้องหาจุดร่วมของสังคมที่ต้องก้าวไปด้วยกัน ทำอย่างไรให้คนที่มีโอกาสทางสังคมมากๆไม่ล้ำเส้นกติกาบ้านเมือง อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น ทำอย่างไรให้คนที่ขาดโอกาสจากสังคม ต้องอยู่ได้แบบไม่ต่ำสุดกว่าที่มนุษย์ควรจะเป็น เส้นคุณธรรมของชาติบ้านเมืองต้องถูกขีด เหมือนหลายประเทศ เส้นทุจริตคอรัปชั่น ขีดเอาไว้ เดินไปถึงเส้นนี้ ใครก้าวข้ามไปได้ ใครก้าวไม่ข้ามโดนฟันในหลายประเทศ ประธานาธิปดี ก็ผ่านเส้นนี้ไม่ได้ หากทำอย่างนี้ ก็เดินหน้าได้ วันนี้สังคมไทยคงถึงเวลาที่เราร่วมกันขีดเส้นของคุณธรรม คือเส้นแห่งความดีงามที่สังคมไทยยอมรับด้วยกันได้ ”พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ตนทำแบบนี้ถึงเป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีที่ปรึกษา ตลอดจนผู้ช่วยรัฐมนตรี เพราะต้องคัด เพราะห้ามหมดทุกอย่าง ต้องทำให้เข้มข้น เพราะเป็นรัฐมนตรีในภาวะไม่ปกติ ขอร้องเพื่อข้าราชการ อย่ามาเอาอะไรกับตนมาก รวมถึงประชาชนอย่ามาคาดหวัง ถ้าอยากได้รัฐมนตรีทำงาน 100%แบบตน ให้คะแนน 70-80% แต่ถ้าต่ำจาก50%ลงมา ไล่ตนได้เลย เพราะหลายคนไม่ชอบรัฐมนตรีที่มาแบบนี้ ทำดีไปก็ไม่บอกกล่าว กระแสสังคมไม่สนใจ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานสำเร็จมากมาย ออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในขณะที่รัฐบาลปกติทำไม่ได้ สิ่งเหล่านี้สามารถประคับประคองบ้านเมืองเอาไว้

“ที่พูดไม่ได้จะหาเสียง เพราะไม่หวังจะเป็นอะไรต่อ แต่อยากให้การปฎิรูปสู่อนาคตที่ดี ผมอยากเป็นคนแก่ที่อยู่ในสังคมที่มีความสุข และผมตลอดจนคนไทยทุกคนก็จะได้ผลพ่วงจากการทำครั้งนี้ของเรา อย่างไรก็ตามการปฎิรูปที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน จะไปถึงจุดนั้น ส่วนผลการสัมนาวันนี้ ผมก็จะนำเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.”พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว

หลังจากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ ถึง กรณีที่ สปช.จะโหวตรับไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญว่า ที่พูดว่าอุณภูมิการเมืองจะร้อนขึ้นบนเวทีนั้น เพราะจะมีการโหวตรับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ สังคมก็จะให้ความสนใจ และโฟกัสมาวันที่ 6 ก.ย. เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะมีอะไรปรี๊ดปร๊าด ถือเป็นหลักการ

เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการยุทธศาตร์การปฎิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) จะส่งผลดีผลเสียอย่างไร พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า การปฎิรูปต้องใช้เวลา บางประเทศเป็น 10ปี สำหรับประเทศไทย เมื่อประชาชนร่วมกันคิดว่าตะปฎิรูปประเทศอย่างไร หลังจากทีรัฐบาลเข้ามาแล้ว การปฎิรูปก็ต้องเดินหน้าต่อ จึงมองว่าต้องมีใครสักคนมากำกับให้การปฎิรูปเป็นไปตามที่ประชาชนต้องการ จึงมี คปป.ขึ้นมา ส่วนจะดีไม่ดีก็ต้องหารือกันต่อไป แค่อย่างน้อยก็มีข้อดีแน่นอน เพราะสิ่งที่คิดมาแล้วมีคนทำต่อ หากไม่มีคนทำก็เสียเวลา เสียของ ส่วนหลายฝ่ายโจมตี คปป.ว่าเป็นอำนาจรัฐซ้อนรัฐนั้น ตนมองว่าต้องดูในรายละเอียดดีกว่า วาาจะทำอย่างไร เดินหน้าแบบไหน เป็นสิทธิของทุกคนที่จะวิจารณ์ แต่ข้อเท็จจริงก็ยังเป็นข้อเท็จจริง

“คปป.คงไม่มีอำนาจไปสั่งรัฐบาลได้ทุกเรื่อง แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าต้องอยู่ในสภาวะไหน คงต้องไปดูในเนื้อหาอีกครั้ง การจะวิพากษ์วิจารณ์ ต้องดูรายละเอียดว่า ว่า คปป.สามารถใช้อำนาจได้ในเวลาไหนบ้าง เช่น เกิดสถานการวิกฤติบ้านเมืองไปต่อไม่ได้ ส่วนที่มองกันว่าเป็นร่างทรง คสช.และรัฐบาล นั้นคือความคิดของคน แต่ผมเชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น คิดว่าคงไม่มีใครอยากไปเป็นตรงนั้น แต่ต้องประคับประคองในสิ่งที่ทำมาให้เดินต่อไป อย่าใช้ความรู้สึกมาตัดสิน ให้ศึกษารายละเอียดว่า คปป.มีอำนาจหน้าที่อย่างไร ส่วนอุปสรรคใหญ่ในการปฎิรูปขณะนี้ก็คือ ทัศนคติของคนไทย มองตังเองดีกว่าคนอื่น และมองว่าสิ่งที่คนอื่นเชื่อไม่เหมือนเรา เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว