เชิญตัวแท็กซี่สอบหลังพบเอี่ยวบึ้มกลางกรุง

ความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร หลังมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง เป็นชายชาวต่างชาติได้ที่ย่านหนองจอก หลังการประชุมชุดทีมสืบสวนที่อาคารกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 20.00น. วานนี้ (29 ส.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การเรียกประชุมชุดทีมสืบสวน เพื่อวางแผนการทำงาน พร้อมเน้นย้ำนโยบายในการสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลหาผู้เข้าร่วมขบวนการ โดยขอไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่

พร้อมกันนี้ได้มีการเชิญคนขับรถแท็กซี่จากจังหวัดทางภาคอีสานรายหนึ่ง ที่น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงบางจุดที่ยังสงสัย เพราะพบเบอร์โทรศัพท์ของแท็กซี่ติดต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่เฝ้าระวังอยู่ จากการสอบปากคำในฐานะพยาน ทางคนขับรถแท็กซี่ยังให้การสับสน และยังไม่ได้มีการสอบปากคำลงรายละเอียดเชิงลึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ขณะที่การสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับได้ การดำเนินการตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของทหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญล่ามที่สามารถพูดภาษาตุรกีได้และอีกหนึ่งภาษาซึ่งยังไม่ได้ระบุว่าภาษาใด เพื่อมาร่วมทีมสอบสวน

“ทั้งนี้จากการสืบสวนผู้ต้องหาที่ควบคุมได้ เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการระเบิด แต่ยังไม่ทราบว่าทำหน้าที่อะไร” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่การตรวจค้นห้องพัก พบอุปกรณ์วัตถุประกอบระเบิดเป็นจำนวนมากจะมีการเตรียมไปก่อเหตุอีกหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกส่วนกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหามาประกอบไว้ก่อนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบ แต่พอจะอนุมานได้จากของกลางที่พบ

ส่วนหนังสือเดินทางที่พบในห้องพักกว่า 250 เล่ม เป็นหนังสือเดินทางปลอมทั้งหมด มี 10 กว่าเล่มที่ใช้ไปแล้ว จึงทำให้ตำรวจไม่สามารถยืนยันสัญชาติของผู้ต้องหาได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการตรึงกำลังเพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ในบริเวณห้องพักของผู้ต้องหา ส่วนจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอบปากคำผู้ต้องหา

ส่วนกระแสข่าวที่คาดการณ์ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เป็นระเบิดพลีชีพ พล.ต.อ. จักรทิพย์กล่าวว่า ระเบิดพลีชีพยังไม่เคยปรากฏในประเทศ ไทย มีแค่ จยย.บอมย์ คาร์บอมบ์ เท่านั้นเรื่องนี้จะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบก่อน