EPG - ซื้อ

EPG - ซื้อ

เติบโตแข็งแกร่งได้ในระยะยาวจากนวัตกรรมที่พัฒนาเอง

เราเริ่ม Coverage ด้วยคำแนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ 12 บาท อิง PE 30 เท่าหรือ PEG เพียง 0.6 เท่าและ Implied EV/EBITDA 23 เท่า แพงกว่ากลุ่มเล็กน้อยแต่ศักยภาพการทำกำไรและโอกาสการเติบโตในอนาคตสูงกว่ามาก จากจุดแข็งที่เหนือคู่แข่งของ EPG คือการมี R&D นวัตกรรม และแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก สินค้าของ EPG นอกจากกระจายในหลายประเทศแล้วยังกระจายในหลายอุตสาหกรรมคือวัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีแรงต้านทานต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้พอสมควร เราคาดกำไรปกติปี 2016 (สิ้นสุด มี.ค. 2016) โตสูง 46.4% Y-Y และโตเฉลี่ย 29% CAGR ใน 3 ปีข้างหน้าจากการขยายการผลิต เพิ่มช่องทางการจำหน่าย การผลิตสินค้าจากนวัตกรรมใหม่ๆ และหาช่องว่างของตลาดในการเติบโต 

รายได้เติบโตทุกผลิตภัณฑ์ อัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นประวัติการณ์

EPG เดินหน้าสร้างสถิติกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องใน 1Q16 (มี.ค. – มิ.ย. 2015) ด้วยกำไรปกติ 240.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% Q-Q และ 58.8% Y-Y ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 47.5 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิเพิ่ม 60.9% Q-Q และ 80.1% Y-Y เป็น 287.7 ล้านบาท สูงถึง 46% ของกำไรสุทธิในปีก่อน ผลการดำเนินน่าประทับใจในไตรมาสนี้เกิดจากทั้งยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ (Aeroflex: ฉนวนกันความร้อน, Aeroklas: ชิ้นส่วนยานยนต์, EPP: ถ้วย PP และ PET เป็นต้น) โดยเฉพาะ Aeroklas ที่เริ่มรับรู้รายได้จาก TJM ที่บริษัทซื้อเข้ามาในไตรมาสก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 30.8% จากระดับ 26-27% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา หลังได้ประโยชน์เต็มที่จากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับลง การประหยัดต่อขนาด และประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น

จุดแข็งคือ R&D นวัตกรรม และแบรนด์ที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

จุดแข็งของ EPG ที่เหนือคู่แข่งคือ R&D และนวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองจนทำให้สินค้ามีกระบวนการผลิต การเลือกใช้วัตถุดิบ และการออกแบบที่แตกต่างจากคู่แข่ง และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ แม้ว่าสินค้าบางประเภทของบริษัทดูเหมือนจะหาได้ทั่วไปในท้องตลาด เช่น กล่องพลาสติกสำหรับอาหารแช่แข็ง ถ้วยน้ำพลาสติก หรือฉนวนกันความร้อน/เย็นที่ทนอุณหภูมิได้ถึง -200oC - +125oC เป็นต้น รวมถึงการมี Brand ที่เป็นที่ยอมรับของลูกค้า นอกจากนี้ EPG มีฐานการผลิตและตลาดกระจายหลายทวีปทั่วโลกทั้งสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย (ญี่ปุ่น) เพื่อลดการพึ่งพาเศรษฐกิจของแห่งใดแห่งหนึ่ง เป็นการขยายฐานตลาด และขยายกลุ่มอุตสาหกรรม ปัจจุบันสินค้าของบริษัทอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค

เป็น Growth stock ไม่ใช่ High yield stock แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 12 บาท

ผลของการขยายกำลังผลิตในทุกผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการซื้อ TJM 100% เมื่อ ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งช่วยขยายช่องทางการจำหน่ายชิ้นส่วนรถกระบะในออสเตรเลียผ่านร้านค้า 85 แห่งของ TJM และเพิ่มช่องทางในการส่งออกไปประเทศอื่นๆ เราจึงคาดรายได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า (ปีสิ้นสุดเดือน มี.ค. 2016-18) โตเฉลี่ย 14.4% CAGR ส่วนกำไรโตเป็น 2 เท่าคือเฉลี่ย 28.2% CAGR จากอัตรากำไรขั้นต้นและ EBITDA margin ที่ยกระดับขึ้นมาอยู่ที่ 30% และ 20% จากอดีตที่อยู่ที่ 27% และ 15% ตามลำดับ เราประเมินราคาหุ้นได้ 12 บาท อิง PE 30 เท่า คิดเป็น PEG เพียง 0.6 เท่าและ EV/EBITDA 23 เท่า