'ดาว์พงษ์'เข้มทุกเขตพื้นที่ฯส่งการบ้านใน7วัน

'ดาว์พงษ์'เข้มทุกเขตพื้นที่ฯส่งการบ้านใน7วัน

“ดาว์พงษ์” ประชุมทางไกลมอบนโยบาย สั่งเขตพื้นที่ฯ แปลงนโยบายสู่การทำงานพร้อมส่งการบ้านภายใน 7 วัน

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มอบนโยบายให้กับผู้บริหาร ศธ.และผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอลเฟอร์เร้นซ์ ว่า ขอให้หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.สพท.ทุกคนไปแปลงนโยบายออกมาเป็นงานตามขอบเขตความรับผิดชอบและส่งการบ้านภายใน 7 วัน โดยแบ่งงานออกเป็น 3 กลุ่ม 1.ขณะนี้ทำอะไรอยู่บ้าง 2.ปรับปรุงงานตามนโยบาย และ3. เติมงานใหม่ แบ่งเป็น งานที่เติมได้เลยโดยไม่ต้องใช้งบเพิ่ม และงานที่ต้องเริ่มใหม่ ทั้งนี้ ขอให้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาไปปฏิบัติ ได้แก่ 1.ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู 2.ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน ไม่ให้แข่งขันกัน แค่ให้แข่งขันกับตัวเอง และ3.ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่า ช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้เด็กทำร่วมกัน เพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี

“แนวพระราชดำรัสของประบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นปรัชญา เป็นโจทย์สำคัญและเป็นหน้าที่ของศธ.จะต้องหาคำตอบ ซึ่งพระราชดำรัสทั้ง 3ข้อครอบคลุมงานของทุกองค์กรหลัก เป็นคัมภีร์ที่รัฐบาล และศธ. จะต้องเดินไปตามนี้ และขอย้ำว่า ให้ผู้บริหารทุกระดับ ทำแผนงานโครงการอย่าลอกกัน อย่าปล่อยให้ลูกน้องทำ โดยเฉพาะต้องฉีกปัญหาให้ขาด ปรับปรุงผลงานเดิมที่ไม่สัมฤทธิ์ผล ดูว่าที่ผ่านมาทำไมถึงไม่สำเร็จ และแก้ไข ขณะเดียวกันกิจกรรมที่จะทำต่อไปต้องตอบได้ว่าตรงกับตรรกะใดในพระราชดำรัส 3 ข้อนี้ ”พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ ในส่วนโครงการพระราชดำริที่ ศธ.ดำเนินการเองหรือมีส่วนร่วมสนับสนุน จะมอบหมายให้ รมช.ศึกษาธิการ 1 คนเข้ามาดูแลเรื่องนี้เป็นหลัก

พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ศธ. เร่งดำเนินการ 10 ข้อ คือ 1.ให้ทำเร็ว มีผลสัมฤทธิ์ภายในเดือนกันยายน 2559 ที่เหลือส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป 2.ประชาชน สังคม พึงพอใจ 3.ปรับลดภาระที่ไม่จำเป็นของศธ.ลง 4.เร่งปรับหลักสูตรตำรา/แต่ละกลุ่มให้เหมาะสม การพิมพ์ตำราต้องคุ้มค่า 5.ผลิตคนให้ ทันกับความต้องการของประเทศ จบแล้วมีงานทำ ช่วยแก้ไขปัญหาว่างงานและปัญหาสังคมได้ 6.ปรับหลักสูตรทำให้เด็ก ครู ผู้ปกครองมีความสุข 7.ใช้สื่อการสอนกระตุ้นผู้เรียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ 8.ลดความเหลื่อมล้ำจัดการศึกษาให้ทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ 9.นำระบบไอซีทีเข้ามาใช้จัดการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรมและกว้างขวาง และ 10.เรียนไม่ใช่เพื่อสอบแต่เรียนให้ได้ทักษะชีวิต อยู่ในยุคโลกไร้พรหมแดน

“อย่างไรก็ตาม ขอให้แต่ละหน่วยงานเริ่มวางแผนโครงการการใช้งบประมาณปี 2559 ตั้งแต่ไตรมาสแรก ส่วนการเสนอขอใช้งบกลางนั้น ควรเสนอเฉพาะโครงการที่จำเป็น ดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ บางโครงการต้องมีการบูรณาการข้ามแท่ง ก่อนไปบูรณาการกับสำนักงบประมาณ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ของแต่ละกระทรวง เพื่อมช่วยดูแลการใช้งบประมาณว่า โปร่งใสถูกต้องหรือไม่ ต่อไปจะไม่เกิดเหตุแบบกรณีการจัดซื้อจัดจ้างสนามฟุตซอลอีก”พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวในที่สุด