วิกฤติ'แบล็คมันเดย์'ทำเศรษฐีจีนจนลง

วิกฤติ'แบล็คมันเดย์'ทำเศรษฐีจีนจนลง

วิกฤติแบล็คมันเดย์ ส่งผลให้ความมั่งคั่งของบรรดาอภิมหาเศรษฐีของโลก 400 คน สูญเสียทรัพย์สินรวมกัน 1.24 แสนล้านดอลลาร์

หลังเกิดวิกฤติแบล็คมันเดย์ ที่ดัชนีคอมโพสิตของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ตกลงมาถึง 8.5% เมื่อวันจันทร์ (24 ส.ค.) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่งคั่งของบรรดาอภิมหาเศรษฐีของโลก 400 คน ที่สูญเสียทรัพย์สินรวมกัน 124,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ความมั่งคั่งของเหล่าอภิมหาเศรษฐีของจีนหดหายไปทันที 3,600 ล้านดอลลาร์ ทุบสถิติกลุ่มผู้สูญเสียทรัพย์สินมากที่สุด ซึ่งเป็นวันที่ตลาดหุ้นจีนดิ่งมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา และทำให้เกิดการขายหุ้นทิ้งทั่วโลก

ทั้งนี้ นายหวัง เจี้ยนหลิน มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน ซึ่งเป็นประธานและผู้ก่อตั้งต้าเหลียน แวนด้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์และสถานบันเทิง ขาดทุนหนักที่สุดเมื่อตลาดหลักทรัพย์จีนปิดการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ มูลค่าสินทรัพย์ของเขาหายไปกว่า 10% ในวันเดียว แต่ไม่สะเทือนเท่าใดนัก เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ นายหวังรวยขึ้น 6,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 213,055 ล้านบาท ส่วนเศรษฐีจีนที่ขาดทุนมากเป็นอันดับ 2 คือ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ มูลค่าสินทรัพย์หายไป 545 ล้านดอลลาร์ หรือราว 19,350 ล้านบาท

นอกจากนี้ พิษตลาดหุ้นจีนยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่นๆ ในจำนวนนี้รวมถึงอภิมหาเศรษฐี 24 คน ที่สูญเสียทรัพย์สินไปมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะนายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ที่ความมั่งคั่งหดหายไป 3,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่ามากที่สุดรองจากนายหวัง ขณะที่นายคาร์ลอส สลิม อภิมหาเศรษฐีแห่งเม็กซิโก เสียสินทรัพย์ไป 1,600 ล้านดอลลาร์