'ปาล์มา เดอ โคโค' ธุรกิจสุขภาพของพี่น้อง'กุลดิลก'

ท่ามกลางการเติบโตของกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ ‘เข้าฟิตเนส กินคลีน’ จนเป็นกระแส ปลุกให้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกลับมาครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง

ตลาดที่หอมหวาน ต่อยอดความฝันของ “ดร.จา-จารุพรรณ กุลดิลก” ดอกเตอร์ทางด้านวิศวกรรมชีวเคมี (Biochemical Engineering) จากเยอรมนี ผู้ก่อตั้ง บริษัท จาร์วิส อินโนเวชั่น จำกัด หลังใช้เวลานับสิบปี ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของมะพร้าว จนสามารถพัฒนา น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สำหรับปรุงอาหาร “แบบไร้กลิ่น” ที่ได้รับสิทธิบัตรเป็นที่แรกของโลกออกมาได้สำเร็จ

ผลผลิตจากการวิจัย คือ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันมะพร้าวตามธรรมชาติไว้ได้ทุกประการ โดยยังมีปริมาณ กรดลอริค (Lauric Acid) และวิตามินอี ในระดับที่สูง สำคัญกว่านั้น คือ สามารถขจัดปัญหาเรื่องกลิ่น ทำให้นำไปใช้ทำอาหารและขนมได้หลากหลาย ไม่ต้องมีกลิ่นมะพร้าวมาเป็นอุปสรรคในการรังสรรค์ความอร่อย

และนั่นคือที่มาของแบรนด์ “ปาล์มา เดอ โคโค” (Palma de coco) ที่ ดร.จา ทายาทคนโตของตระกูล “กุลดิลก” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก“ และ ”ศิริกัลยา ทับทิมโต” ร่วมกับน้องสาวร่วมสายเลือด ก่อตั้งขึ้น ด้วยความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละคน ช่วยต่อจิ๊กซอว์เชื่อมธุรกิจให้แข็งแกร่ง

โดย “ดร.จา” พี่คนโตมาทางสายนักวิจัย ดูแลเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการผลิต คนที่สอง “จอย-ชลิกา” สาวแบงก์มาดูแลด้านการเงินและการตลาด คนที่สาม “จูน-โฉมชฎา” ที่มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารการตลาด มาดูแลเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ส่วนน้องคนเล็ก “ดร.จุ๊ก-โสมไสว” ที่เพิ่งคว้าดอกเตอร์สาขาการตลาดมาจากประเทศอังกฤษ มาดูแลเรื่องการทำวิจัยตลาด และภาพลักษณ์ของแบรนด์

“พี่จาสนใจเรื่องนี้มานานมาก เป็นโพรเจคที่เริ่มมาเป็นสิบปี ตอนแรกคิดกันว่า จะผลิตน้ำมันมะพร้าวเพื่อขายส่งเพียงอย่างเดียว เพราะยังทำแบรนดิ้งกันไม่เป็น จนน้องคนเล็กกลับมาจากต่างประเทศ เขาสนใจเรื่องการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและเห็นว่าโพรดักส์เกี่ยวกับสุขภาพมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เลยคิดเรื่องการสร้างแบรนด์ขึ้นมา”

จอย ชลิกา บอกที่มาของธุรกิจแรกในครอบครัว ที่ทำให้สมาชิกทุกคนได้หวนนึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง ในฐานะหลานสาวของ “อาม่า เซี้ยม กุลดิลก” เจ้าของสวนมะพร้าว ที่ อ.ดอนตูม นครปฐม และคลุกคลีอยู่กับมะพร้าวมาตั้งแต่เล็ก ถึงวันนี้วัตถุดิบมะพร้าวที่นำมาผลิตก็ล้วนมาจากชาวสวนในดอนตูมทั้งสิ้น เพื่อหวังสร้างงานตอบแทนคนในพื้นที่

มีผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ก็ต้องเจอโจทย์ท้าทายตั้งแต่เริ่มต้น งานหนักคือโจทย์เรื่อง ทัศนคติและความเข้าใจของคนไทย ที่มีต่อน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แม้แต่ความสงสัยที่ว่า ทำไมต้องสกัดเย็น แล้ว “ไร้กลิ่น” ดีงามอย่างไรกันแน่

“เราต้องค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติของคน โดยการให้ข้อมูลว่า วิธีสกัดเย็นทำให้คุณค่าสารอาหารยังอยู่ครบเพราะไม่ผ่านความร้อน การไม่มีกลิ่นก็นำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ขณะที่ไม่มีน้ำมันมะพร้าวที่ไหนที่สามารถสกัดเย็นแล้วไม่มีกลิ่นได้นอกจากแบรนด์เรา”

จุ๊ก โสมไสว ที่รับโจทย์ดูแลเรื่องการวิจัยตลาดและภาพลักษณ์ของแบรนด์ บอกจุดขายสำคัญของ ปาล์มา เดอ โคโค ที่เธอพยายามหาช่องทางสื่อสารถึงผู้คนให้มากขึ้น เพื่อเติมเต็มความเข้าใจในคุณประโยชน์และได้ทดลองใช้สินค้า

ด้วยการตั้งราคาขายที่ท้าทายตลาดอยู่พอควร เมื่อ ปาล์มา เดอ โคโค ตั้งราคาสูงกว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นทั่วไปอยู่ถึงเท่าตัว จากกระบวนการผลิตที่ทั้งยากและสูญเสียมากกว่า นั่นคือ ต้องใช้มะพร้าวถึง 400 ลูก สำหรับการผลิตน้ำมัน 30 ลิตร และใช้เวลาในการผลิตที่ค่อนข้างนาน เลยยกระดับสินค้ามาเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงบนเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายที่ ดีนแอนด์เดลูก่า และ วิลล่า มาเก็ต ตลอดจนขายผ่านช่องทางเว็บไซด์ และอินสตาแกรม
โจทย์วันนี้คือทำให้ตลาดไทยได้รู้จัก แต่เป้าหมายของสี่สาว คือนำพาแบรนด์ไทยไปแจ้งเกิดในตลาดโลก โดยคาดว่า ปีหน้าจะเริ่มนำสินค้าออกไปทำตลาดในเอเชีย โดยเริ่มจากญี่ปุ่นที่ยังมีโอกาส ขณะอนาคตหากได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิคเรียบร้อยแล้วก็จะไปเจาะตลาดยุโรปต่อไป ซึ่งยังคงหอมหวานเช่นกันในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

“มองว่า ยังมีช่องว่างให้เราเข้าไปทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพราะตลาดนี้ยังใหม่และเรายังเล็กอยู่มาก เป็นตลาดที่ Niche จริงๆ ฉะนั้นอนาคตถ้าตลาดขยายใหญ่ขึ้น เราก็พร้อมเติบโตตามไปด้วยเช่นเดียวกัน” ทายาทกุลดิลก บอก

การสยายปีกไปต่างประเทศ เน้นการออกโรดโชว์ไปกับหน่วยงานภาครัฐ ในฐานะผู้ดูแลเรื่องการเงิน จอย ชลิกา บอกเราว่า คงต้องวางแผนและเลือกงานที่คิดว่า “คุ้มค่าที่สุด” เนื่องจากการไปต่างประเทศมีค่าใช้จ่าย ขณะที่ต้องเทรนพนักงานให้เข้าใจในตัวสินค้ามากขึ้น เพื่อพร้อมที่จะนำเสนอขายต่อลูกค้าต่างชาติ เพราะยอมรับว่า การขายผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ไม่ง่าย กว่าที่ลูกค้าจะเข้าใจ และยอมรับ ก็ต้องตามจีบ ตามสานสัมพันธ์อยู่พอตัว

“วันนี้มีคนกระโดดเข้ามาในธุรกิจน้ำมันมะพร้าวเยอะมาก เราเองทำทั้งขายส่งและขายในแบรนด์ของตัวเอง ถ้าแข่งกับโรงงานใหญ่ๆ เราก็จะแพ้เรื่องราคา เพราะขายส่งแข่งกันที่ราคา ส่วนแบรนด์เราราคาก็สูงกว่าคู่แข่งอีก ลูกค้ากลุ่มหนึ่งอาจยอมเสียเงินเพื่อแลกกับของดี แต่ก็มีอีกกลุ่มซึ่งอ่อนไหวเรื่องราคามากเขาก็ยังขอถูกไว้ก่อน ซึ่งนี่เป็นโจทย์ของเรา”

พวกเขาบอกงานหนัก ที่ต้องฟันฝ่ากันอีกมาก แต่ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดนี้จะเติบโต แม้ในสภาพเศรษฐกิจที่ใครก็ว่า แสนจะเฉา เพราะเชื่อว่า ตลาดคนรักสุขภาพยังพร้อมยอมจ่าย และไม่ “สโลว์ดาวน์” ไปตามสภาวะเศรษฐกิจ โดยยกตัวอย่าง กลุ่มที่ผูกปิ่นโตกินคลีนในราคาคอร์สละเป็นหมื่นบาท ก็ยังอยู่กันได้ และคนกลุ่มนี้แหล่ะเป้าหมายของพวกเขา

“อยากให้เมื่อคนนึกถึงน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ไร้กลิ่น เขาจะนึกถึง ปาล์มมา เดอ โคโค เป็นชื่อแรก อยากเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้า (Top of mind)” พวกเขาบอกความคาดหวัง ที่ตั้งเป้าว่า จะใช้เวลาสัก 3 ปี พิชิตเป้าหมายนี้
ทำธุรกิจในกลุ่มพี่น้อง ห่วงบ้างไหมกับปัญหาที่จะตามมา คนทำบอกแค่ว่า

“ทำกับพี่น้องนี่แหล่ะ สบายใจสุด เพราะเติบโตมาด้วยกัน ถามว่า มีงอนกันไหม ก็มีบ้าง ด้วยความที่มีเรื่องความเป็นครอบครัวมาเกี่ยวด้วย แต่แป๊บเดียวก็หาย เพราะต่างรู้ดีว่า ทุกคนหวังดีต่อกันและหวังดีต่อธุรกิจของพวกเราจริงๆ”

ฝากข้อแนะนำในการทำธุรกิจ พวกเขาบอกว่า อย่าเริ่มต้นทำเพราะแค่อยากได้เงิน เพราะถ้าคิดแต่เรื่องเงิน วันหนึ่งจะหมดแพสชั่นในการทำงาน แต่ขอให้เริ่มจากสิ่งที่ชอบ และสนใจจริงๆ ที่สำคัญถ้าคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว ต้องตอบคำถามแรกให้ได้ นั่นคือ “ชอบขายหรือเปล่า?” เพราะถ้าไม่ใช่ ก็คงทำไม่ได้ เพราะธุรกิจอยู่ได้ด้วยการขายเท่านั้น

“ถ้าไม่ชอบขาย แล้วจะเอารายได้มาจากไหน การเป็นพนักงานประจำ เจ้านายคือเจ้านาย แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจ ลูกค้าทุกคนคือเจ้านาย ลูกน้องที่เก่งๆ ก็คือเจ้านายเรา คุณจะเปลี่ยนความคิดตรงนี้ได้ไหม ถ้าได้ก็ทำธุรกิจได้” พวกเธอบอก

อีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่เกิดจากความฝันร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว โดยใช้พลังความเป็นครอบครัว ผลักดันความฝันให้บังเกิด

...................................
Key to success
สูตรธุรกิจ “ปาล์มา เดอ โคโค”

๐ สินค้ามีนวัตกรรม สร้างโอกาสในตลาด
๐ มีงานวิจัยรองรับ สร้างความน่าเชื่อถือ
๐ ตอบโจทย์ทั้งคุณค่า และการใช้งาน
๐ จับธุรกิจสุขภาพ ที่ยังเติบโตทั้งในและต่างประเทศ
๐ พี่น้องเก่งคนละด้าน เติมเต็มจุดแข็งให้ธุรกิจ