คมนาคมชี้รถเมล์ไฟฟ้าแพงไม่เหมาะใช้ระยะสั้น

นายสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานศึกษาความเหมาะสมในการใช้เชื้อเพลิงไฟฟ้ากับรถเมล์โดยสารได้ศึกษาเสร็จแล้ว โดยมีความเห็นว่าแม้รถเมล์พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานที่เหมาะสมใช้ในระยะยาว เนื่องจากมีต้นทุนพลังงานต่ำและเป็นพลังงานทางเลือกที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดอยู่มาก โดยเฉพาะราคารถเมล์พลังงานไฟฟ้าที่ยังมีราคาต่อคันสูง จึงพิจารณาว่าอาจให้ดำเนินการจัดซื้อมาทดสอบบางส่วนเพื่อวิ่งให้บริการก่อน

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าการจัดซื้อในระยะสั้น ขสมก.สามารถนำรถเก่าที่มีอยู่เดิม มาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีและเปิดให้บริการไปก่อน แต่ในอนาคตหากราคารถเมล์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เสริมราคาลดลง จึงค่อยจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาใช้ ส่วนการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีระยะแรก 489 คันอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อ แต่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมมองว่าในระยะยาว เชื้อเพลิงเอ็นจีวีอาจไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้ในรถเมล์โดยสาร ทั้งเรื่องราคา และปริมาณที่ไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องศึกษาหาเชื้อเพลิงอย่างอื่นมาใช้กับรถเมล์ในอนาคต

ด้านพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ตอนนี้ ขสมก. กำลังมีแผนการจัดหารถเมล์ใหม่ 3,183 คัน เพื่อเข้ามาให้บริการแก่ประชาชน โดยการใช้รถเมล์ไฟฟ้าก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กระทรวงฯ กำลังศึกษาดูความเหมาะสมอยู่ว่าควรจะนำเข้ามาใช้บริการหรือไม่ โดยหากความเหมาะสมเห็นเป็นรถเมล์เอ็นจีวีก็สามารถเดินหน้าจัดหาต่อได้ทันที แต่ถ้าเห็นว่าควรปรับไปซื้อรถเมล์พลังงานแบบอื่น ก็จะต้องขอมติ ครม.อีกครั้ง อย่างไรก็ตามในการจัดซื้อรถเมล์ระยะแรก 489 คัน ยังคงเดินหน้าให้ใช้เป็นรถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมด แต่ในส่วนที่เหลือ 2,694 คันอาจจะมีการทบทวนใหม่ให้เหมาะสม ทั้งในส่วนของการเพิ่มวงเงิน และการปรับจำนวนรถที่จะให้บริการ

สำหรับข้อดีของรถเมล์ไฟฟ้าคือประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยมีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงต่ำแต่ข้อเสียคือตัวรถเมล์มีราคาสูงกว่ารถเมล์ทั่วไปถึง 2-3 เท่า ส่วนรถเมล์เอ็นจีวี หรือน้ำมันจะมีต้นทุนการวิ่งที่สูงกว่า และค่าบำรุงรักษาแพงกว่าซึ่งอาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว แต่ยืนยันว่าการจัดซื้อรถเมล์เป็นรูปแบบใหม่นี้ ค่าโดยสารจะไม่สูงไปกว่าเดิมแน่นอน