เชียงรายร้องทีพีแอลกก.ให้จุดโทษพลาด เสธ.ตุ้มรับผิดจริง

เชียงรายร้องทีพีแอลกก.ให้จุดโทษพลาด เสธ.ตุ้มรับผิดจริง

“กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด โร่ร้อง “ทีพีแอล” ฟ้องการทำหน้าที่ของ สุเมธ สายแวว ผู้ตัดสินที่ให้จุดโทษกังขา

กับ บางกอกกล๊าส ทำให้ทีมแพ้ 2-3 ด้าน “เสธ.ตุ้ม” พล.อ.ชินเสณ ทองโกมล ประธานผู้ตัดสินยอมรับ “เปาเมธ” เป่าพลาดจริง พร้อมเสนอขอลาออกแต่ห้ามไว้ก่อน

ควันหลงศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2015 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่ยังคงมีความผิดพลาดให้เห็น ซึ่งเกมระหว่าง บางกอกกล๊าส พบ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ลีโอ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม สุเมธ สายแวว ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่นในจังหวะที่ ยุทธจักร ก้อนจันทร์ นักเตะเชียงราย แหย่เท้าสกัดโดนบอลก่อนที่ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา นักเตะบีจีจะล้มลง พร้อมให้ใบเหลือง ยุทธจักร แม้นักเตะเชียงราย จะเข้าประท้วงแต่ก็ไม่เป็นผล และเป็นเหตุให้บีจียิงจุดโทษเข้าไปเป็นประตูชัยให้ทีมชนะ 3-2

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เว็บไซต์ อย่างเป็นทางการของสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด โพสต์ข้อความว่า “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวะที่ผู้ตัดสินตัดสินใจให้จุดโทษแก่สโมสรบางกอกกล๊าส พร้อมให้ใบเหลืองแก่ยุทธจักร ก้อนจันทร์ นั้น สโมสรจะทำเรื่องฟ้อง รวมทั้งยื่นอุทธรณ์ใบเหลืองให้ยุทธจักร ไปยังบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งนี้การได้รับใบเหลืองในครั้งนี้ของยุทธจักร จะทำให้เจ้าตัวได้รับใบเหลืองครบ 4 ใบ และไม่สามารถลงแข่งขันกับสโมสรชัยนาท ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ได้”

ด้าน “เสธ.ตุ้ม” พล.อ.ชินเสณ ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสิน เปิดเผยว่าตนได้ดูเทปแล้วยอมรับว่าจังหวะดังกล่าวไม่เป็นการฟาวล์จริงๆ และได้พูดคุยกับสุเมธ สายแววแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับด้วยว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ให้จุดโทษแก่บีจี

“สุเมธ โทรศัพท์มาให้เหตุผลว่ามุมที่มองนั้นดูเหมือน ธนาสิทธิ์ โดนเตะจริงๆ จึงให้จุดโทษแก่บีจี แต่เมื่อมาดูภาพก็ยอมรับว่าเป่าผิดพลาด ซึ่งสุเมธ เสนอแนวทางรับผิดชอบด้วยการยินดีลาออกจากการเป็นผู้ตัดสินหากทำให้องค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ผมได้ห้ามเอาไว้เพราะเห็นว่าเป็นความผิดพลาดโดยสุจริตแต่ก็คงมีบทลงโทษอย่างอื่นแทน ทั้งนี้ เข้าใจว่าผู้ตัดสินมีมุมที่ไม่ชัดเจนเหมือนผู้ชมทางโทรทัศน์ และอยากฝากถึงนักเตะทุกคนให้เล่นกันตามเกม อย่าพยายามใช้แท็กติกอื่นๆ ในการตบตาผู้ตัดสิน”