'อนุพงษ์'สั่งปภ.เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย 'แม่ฮ่องสอน-บึงกาฬ'

'อนุพงษ์'สั่งปภ.เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย 'แม่ฮ่องสอน-บึงกาฬ'

“พล.อ.อนุพงษ์” สั่งการ ปภ. เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย “แม่ฮ่องสอน-บึงกาฬ” เผย 4,499 ครัวเรือนเจอฝนถล่ม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัย 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และบึงกาฬ รวม 5 อำเภอ 11 ตำบล โดยกำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน ให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และรักษาความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก จัดเรือท้องแบน และรถบรรทุกออกให้บริการขนย้ายสิ่งของและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ในช่วงที่เกิดภัย  

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และบึงกาฬ รวม 5 อำเภอ 11 ตำบล โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสบเมย และอำเภอแม่สะเรียง รวม 5 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,499 ครัวเรือน 15,124 คน สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขัง ผิวถนนบริเวณทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เงา ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นระยะทางกว่า 100 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2558 เกิดดินสไลด์ปิดทับเส้นทางในอำเภอสบเมย รวม 28 จุด ใน 11 เส้นทาง โดยสามารถเปิดเส้นทางให้สัญจรผ่านไปมาได้แล้ว 20 จุด อยู่ระหว่างการเปิดเส้นทาง 8 จุด 

ส่วนจังหวัดบึงกาฬ เกิดน้ำท่วมขังใน 3 อำเภอ 6 ตำบล สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 1 อำเภอ ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 2 อำเภอ 4 ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ และอำเภอโซ่พิสัย ปัจจุบันมีฝนตกในพื้นที่เล็กน้อย สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม และพื้นที่การเกษตร และถนนในหมู่บ้านบางแห่ง ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค การบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข อีกทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสำรวจและประเมินความเสียหายของพื้นที่ประสบภัย เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯต่อไป