'อภิสิทธิ์'แนะรบ.ปฏิรูปทำให้ชัดเจน ย้ำต้องปฏิรูปก่อนคืนอำนาจ

'อภิสิทธิ์'แนะรบ.ปฏิรูปทำให้ชัดเจน ย้ำต้องปฏิรูปก่อนคืนอำนาจ

“อภิสิทธิ์”แนะ รบ.ปฏิรูปทำให้ชัดเจน ย้ำต้องปฏิรูปก่อนคืนอำนาจ ปัดตอบแนวคิด รบ.แห่งชาติ เกิดขึ้นได้หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว่าว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อขยายเวลาการปฏิรูปว่า สังคมอยากเห็นการปฏิรูปสำเร็จก่อนการเลือกตั้งมากกว่า ตนเข้าใจว่าการปฏิรูปในทุกด้านไม่สามารถทำสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการปฏิรูปจะสำเร็จทุกเรื่อง ต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสังคมรับรู้ ส่งเสริม และกดดันให้นักการเมืองที่จะเข้ามาสานต่อ การปฏิรูปหลังจากการคืนอำนาจให้ประชาชนต้องทำให้สำเร็จ เพียงแต่งานปฏิรูปที่ทำให้การเลือกตั้งมีความสุจริตยุติธรรมได้นักการเมืองที่มีคุณภาพเข้ามาบริหารประเทศ ตรงนี้ตนคิดว่าควรทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็ทราบอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จก่อนการคืนอำนาจ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปฏิรูปนั้นพูดกันไปลอยๆ ถ้าหากคิดกันไปคนละจุดก็จะทำให้เกิดความสับสัน และเรื่องเหล่านี้ก็จะกลายเป็นคำพูดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีกัน และนำไปสร้างความขัดแย้งได้ ดังนั้นขอย้ำว่าต้องจัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่สนับสนุนการปฏิรูปแต่ยังไม่เห็นชัดว่ามันคืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรที่มีคนมองว่ากปปส. ที่ออกมาเคลื่อนไหว ความจริงแล้วคือพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่ออกไปทำงานในนามของ กปปส.ทราบดีอยู่แล้วว่าบทบาทนั้นต้องไม่มาเกี่ยวกับการเมืองของพรรคการเมือง แต่ถ้าคนที่ออกไปเป็น กปปส. ถ้ามีจุดยืนเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่สนับสนุนการปฏิรูป ตรงนี้ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เข้าใจว่ามูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่เพิ่งก่อตั้งได้นำเสนอแนวทางว่า อยากจะนำร่องการปฏิรูปในบางด้าน อาทิ การศึกษา เศรษฐกิจพอเพียงและอื่นๆ ตนดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และถ้าทำให้สำเร็จน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีกับการเปลี่ยนแปลงด้านนั้นๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของแกนนำ กปปส. ว่าจะสามารถกลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา มีแค่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิฯเท่านั้นที่เคยประกาศบนเวทีว่าจะไม่กลับมาที่พรรคอีก ส่วนคนอื่นๆ บางส่วนก็เป็นสมาชิกอยู่แล้ว บางส่วนที่พ้นสภาพสมาชิกไปด้วยสาเหตุต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะกลับมาสมัครได้ แต่ตนขอย้ำว่าการเมืองของภาคประชาชนและการเมืองของพรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน แต่ถ้ามีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนกัน ตรงนี้ตนคิดว่าก็ควรจะต้องมาสะสาง เชื่อว่าทั้งคนที่ กปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์. กล่าวว่า. ตอนนี้ก็มีรัฐบาลอยู่แล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ก็ดูแลภาพรวมของบ้านเมืองอยู่ ย้ำว่าให้ยึดตามโรดแมป ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ใครมีข้อเสนอก็สามารถเสนอต่อสังคมได้อย่างสร้างสรรค์และไม่สร้างความขัดแย้ง ก็ควรจะให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า นักการเมืองต้องการเร่งให้มีการเลือกตั้ง แต่ในขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็ออกมาบอกว่าการปฏิรูปนั้นยังไม่เห็นผลว่าต้องขอทำความเข้าใจให้ตรงกันในส่วนนี้ก่อน ตนเห็นว่าในเวลานี้ก็ไม่ได้ยินใครบอกว่าต้องไม่ทำตามโรดแมป เห็นแต่ทุกฝ่ายพูดว่าต้องเดินหน้าทำตามโรดแมปไป แต่การปฏิรูปผู้มีหน้าที่ต้องทำให้เดินหน้าให้ได้ตามเวลาที่มีอยู่ ถ้าไม่เดินหน้า ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพุดกันว่าถ้ายืดเวลาออกไปแล้วการปฏิรูปมันจะเกิดขึ้น

“เวลาที่สังคมตกผลึก ว่ามันต้องปรับโรดแมป อย่างเช่นก่อนหน้าที่นี้ทุกฝ่ายเห้นว่าต้องมีประชามติ ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวให้มีประชามติ ซึ่งอาจจะทำให้ช้าไปกี่เดือนก็แล้วแต่ ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะฉะนั้นผมคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ความจำเป็น ถ้าสมมติว่ามันเห็นได้ชัดว่าเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อให้การเลือกตั้งมีความเป็นธรรมเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ถ้ามันมีประเด็นอะไรเสนอมาต่อสังคม ผมคิดว่าสังคมก็ไม่ได้แข็งตัวเกินจนบอกว่าเปลี่ยนว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าดีที่สุดคือทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน”นายอภิสิทธิ์กล่า

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้การเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เรามาอยู่จุดนี้ เพียงแต่ตนก็หวังว่าทุกฝ่ายน่าจะมีบทเรียน ว่าความเห็นที่แตกต่างกันนั้น ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในขอบเขตของการแสดงออกที่เหมาะสม สังคมไทยและทุกสังคมหนีไม่ได้ ที่จะเจอความเห็นที่แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าสังคมไทยควรจะเรียนรู้ว่าถ้าเห็นไม่ตรงกันจะจัดการกับความไม่ตรงกันอย่างไรเพื่อไม่ให้สังคมวุ่นวาย