‘สุพัตรา จิราธิวัฒน์’ สุขภาพดีในแบบนักธุรกิจ

‘สุพัตรา จิราธิวัฒน์’ สุขภาพดีในแบบนักธุรกิจ

หากถามถึงนักธุรกิจหญิง ชื่อของ “สุพัตรา จิราธิวัฒน์” จะเป็นรายชื่อแรกๆ ที่คนนึกถึง ด้วยตำแหน่งในเครือเซ็นทารา และบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด

หากถามถึงนักธุรกิจหญิง ชื่อของ “สุพัตรา จิราธิวัฒน์” จะเป็นรายชื่อแรกๆ ที่คนนึกถึง ด้วยการทำงานในตำแหน่งรรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักนโยบายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัดและ รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา

ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบ สุพัตรายอมรับว่า ทุ่มเทเวลาให้กับงานเป็นหลัก แต่งานในส่วนที่เธอรับผิดชอบนั้น มีกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรม CSR

:: ธุรกิจผสานสังคม
เมื่อถามถึงแนวคิดการทำงาน สุพัตรากล่าวว่า คงไม่ต่างจากแนวทางการทำงานของคนอื่นนัก คือต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งธุรกิจในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป จะให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ นำธรรมาภิบาลมาใช้ทั้งกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน

“เราให้การสนับสนุนช่วยเหลือสังคมและชุมชนให้มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยความพอเพียง ควบคู่กับการทำธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล อย่างจริงจังและมีผลปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจริงๆ แล้ว บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ของเราทำงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมมาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี เพียงแต่ในช่วงแรก เรายังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์มากนัก”

แรงบันดาลใจ ผู้บริหารเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปเผยว่า มาจากคุณพ่อ (เตียง จิราธิวัฒน์) เพราะท่านสั่งสอนอบรมพวกเราให้นึกถึงผู้อื่นเสมอไม่ใช่ทำธุรกิจเพื่อผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องคืนกลับสู่สังคมด้วย ดูอย่างร้านหนังสือที่ท่านเปิด ถือเป็นร้านหนังสือแห่งแรกในประเทศไทยที่อนุญาตให้ลูกค้าสามารถเปิดหนังสืออ่านได้ถึงแม้จะไม่ซื้อก็ตาม แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษาและการให้ความรู้เป็นวิทยาทาน หนึ่งในโครงการรับผิดชอบต่อสังคมหรือ CSR ของเราจึงเน้นเรื่องการศึกษา เช่น การสร้างโรงเรียน การสนับสนุนกิจกรรมการศึกษาต่างๆ

นอกจากนั้นพี่ชายคนโต คุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้สานต่อคำสอนของคุณพ่อ โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ความเรียบง่าย การอ่อนน้อมถ่อมตน ความประหยัด ความขยันขันแข็ง ความมานะบากบั่น และความซื่อสัตย์ พร้อมยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยแนวคิด “การทำธุรกิจทุกประเภทนอกจากต้องคำนึงถึงเรื่องผลประกอบการแล้ว ในเรื่องของจรรยาบรรณกับศีลธรรม ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันไป ทั้งไม่อาจละเลยไปได้เด็ดขาด”

และด้วยความมั่นคงทางธุรกิจดังกล่าว ทางกลุ่มเซ็นทรัลจึงมีความเห็นว่าควรจะนำผลประกอบการที่มีกำไรมาช่วยเหลือและทำประโยชน์ให้กับสังคมตามแนวปรัชญาของกลุ่มเซ็นทรัลที่ได้กำหนดไว้ เพราะความมั่นคงทางธุรกิจดังกล่าวได้มาจากการสนับสนุนของประชาชนที่ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในการให้บริการทางธุรกิจที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ดำเนินการ

:: ดูแลตัวเองแบบ ‘สมดุล’
ความที่เป็นคนงานยุ่ง โอกาสที่จะออกกำลังกายจริงจังจึงมีน้อย แต่ด้วยกิจวัตรประจำวันเดินเยอะ เหมือนการออกกำลังกายไปในตัว เลยไม่เหมือนคนที่ทำงานนั่งโต๊ะตลอดเวลา บวกกับมีโอกาสร่วมกิจกรรม CSR ต่างๆ ของบริษัท ทำให้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย

ภาพรวมการดูแลสุขภาพ สุพัตรากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องรักษาสมดุลด้วยตนเอง

“เรื่องสุขภาพ ต้องบาลานซ์ตัวเอง หากช่วงไหน ทำงานหนัก ก็ต้องหาเวลาพักผ่อน ทำใจให้สบาย นอกจากการสวดมนต์ที่ทำเป็นประจำ ก็จะมีนั่งสมาธิด้วย ในช่วงที่เครียดมาก เพราะการนั่งสมาธิจะทำให้ใจสงบ จิตนิ่ง และมีสติ สุขภาพก็เช่นกัน อาศัยออกกำลังกายบ้างตามเวลาว่างที่มี”

ด้วยนิสัยไม่ทานจุกจิก เช้าทานกาแฟ ผลไม้ เป็นคนที่ทานผลไม้เยอะ ส่วนกลางวันจะทานอะไรง่ายๆ เร็วๆ ช่วงเย็นมักมีแขก ต้องทานข้าวกับแขก ซึ่งตัวเราก็จะรับรู้ได้ว่าช่วงไหนกินเลี้ยงบ่อย ต้องทานมื้อหนักบ่อยๆ จนเริ่มอึดอัดตัวเอง ก็จะเบรกตัวเองด้วยอาหารเบาๆ สลัด ผัก ผลไม้ เน้นใช้ความรู้สึกตัวเองตัดสินมากกว่า ไม่ถึงขั้นต้องมีนักโภชนาการ หรือกำหนดเรื่องอาหารประเภทนั้นๆ

จริงๆ แล้ว สุขภาพดีในมุมมองของเธอ เป็นการใช้ชีวิตง่ายๆ ตามที่แพทย์มักจะแนะว่า ทานอาหารครบ 5 หมู่ ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว และการรักษาสมดุลของตนเอง ทั้งเรื่องอาหาร การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับตัวเอง

ส่วนต้นแบบสุขภาพดี ไม่ถึงกับยึดใครเป็นต้นแบบ อาจจะมีชื่นชมว่า คนนั้นแข็งแรง หรือใส่ใจออกกำลัง แต่ก็ไม่ได้จะต้องเอาเป็นแบบอย่าง เน้นดูว่าตัวเองพร้อมหรือต้องเสริมอะไร แล้วหาสิ่งที่เหมาะให้ตัวเอง

ส่วนตัว ผู้บริหารเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปและเครือเซนทารา เป็นคนชอบศึกษา ชอบอ่าน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางโภชนาการ ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เป็นประโยชน์ หรือเรื่องของการออกกำลังกาย แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเอง เพราะเรารู้ว่า เราต้องการอะไร และอะไรจะดีกับตัวเรา เว้นแต่หากมีคำถามที่สงสัยก็จะเลือกไปถามผู้รู้ แต่ไม่ถึงกับมีนักโภชนาการหรือเทรนเนอร์มาคอยจัดมื้ออาหารที่เหมาะสม หรือจัดโปรแกรมการออกกำลังกาย เพราะเราต้องดูแลตัวเอง หาสิ่งที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง

“เราเป็นคนทำงานเยอะ การหาข้อมูล หาความรู้ตลอดเวลา ช่วยให้เราเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพ ในบริบทที่เราทำได้”

:: ปั่นสร้างสุข
ตัวเธอเองพยายามหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง อย่างช่วงนี้ ปั่นจักรยานกลายเป็นกิจกรรมโปรด

“เรามีกลุ่ม จากโครงการคาร์ฟรีเดย์ที่ร่วมกับ กทม. เราก็ติดใจ ไปรวมกลุ่มกับกลุ่มที่ปั่นจักรยานเช่น บางกอกไซคลิ่ง และดูว่า ช่วงอาทิตย์ไหนจะมีกิจกรรมปั่นที่ไหน ถ้าเสาร์อาทิตย์เราว่างก็จะไปปั่นด้วย นอกจากนั้น เราเองก็จัดกิจกรรมซีเอสอาร์เรื่องการปั่นจักรยาน นอกจากคาร์ฟรีเดย์ ก็ขยับมาจัด บางกอกไซคลิ่ง ที่จัดปีนี้เป็นปีแรกในช่วงต้นปี และคิดว่าจะจัดทุกปี เพราะมองว่า มันมีประโยชน์หลายด้าน ทั้งเรื่องพลังงาน สุขภาพ เป็นซีเอสอาร์หลายเด้ง”
การปั่นจักรยานถือเป็น 1 ในหลายกิจกรรมภายใต้โครงการ “เซ็นทรัลห่วงใยสุขภาพ” ที่นอกจากจะ สนับสนุนการสร้างปรับปรุงหรือซ่อมแซมสถานพยาบาลของหน่วยงานภาครัฐให้เพียงพอในการดูแลรักษาประชาชนและสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้กับสถานพยาบาลของภาครัฐให้ทันสมัยและมีเพียงพอในการดูแลรักษาพยาบาล ยังมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพร่วมกับโรงพยาบาลตำรวจ, โครงการกิจกรรมเซ็นทรัลบริจาคโลหิตทำดีสร้างกุศล

โดยกิจกรรมปั่นจักรยาน (Car Free Day) ได้รับการตอบรับที่ดี และขยายเป็นกิจกรรมชมรมจักรยาน CG Bike Club ซึ่งเป็นชมรมที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพนักงานและผู้บริหารของบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล
การปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกายที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพกาย ข้อมูลที่เธอไปค้นคว้าเพิ่มเติมพบว่า การปั่นจักรยานช่วยในเรื่องของสมอง ความจำ เพราะช่วยให้เลือดสูบฉีด ไหลเวียนดี และยังต้องรักษาสมดุลร่างกาย ฝึกสมองป้องกันอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ โดยเฉพาะเมื่อไปปั่นจักรยานกันเป็นกลุ่มทำให้ไม่เบื่อ เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ

เมื่อเริ่มหันมาสนใจปั่นจักรยานมากขึ้น จากการทำกิจกรรม CSR ของเครือเซ็นทรัล ซึ่งสิ่งที่ได้คือความสดชื่น ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แม้จะเป็นคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ด้วยสไตล์การทำงานที่ต้องเดินเยอะ เดินทุกวัน ทำให้เหมือนเราได้ออกกำลังกายเบาๆ อยู่ตลอด

นอกจากการดูแลสุขภาพกาย สุพัตรายังคอยดูแลสุขภาพใจ โดยใช้การนั่งสมาธิ สวดมนต์ ในช่วงเวลาเครียด ซึ่งมักจะทำที่บ้าน เนื่องจากสะดวก และยังสงบ ทำให้ใจนิ่ง ไม่เครียด

“เวลาส่วนตัวน้อย การจะทำอะไรให้ตัวเองน้อยมาก เสาร์อาทิตย์เท่านั้นที่พอจะมีเวลาให้ตัวเองบ้าง แต่บางทีก็จะมีงานเข้ามาก็ต้องทำงาน ดังนั้น หากมีเวลามากพอที่จะพักผ่อนจริงๆ คือไปพักผ่อนต่างประเทศ พยายามไปปีละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อชาร์จแบต หลุดจากสิ่งที่เราทำอยู่ไปซักระยะ การเที่ยวเป็นการผ่อนคลายจิตใจที่ดีมาก”

แนวทางดูแลสุขภาพตามแบบฉบับ “สุพัตรา” อาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับคนอื่น เพราะเธอมองว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะแนะนำว่าควรหรือไม่ควรทำอย่างไรอาจจะทำตามได้ลำบาก สิ่งที่ดีที่สุดคือ ตัวเรา หาเวลาว่าง 1-2 ชั่วโมงเพื่อออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพของตนเอง เหมือนตัวเองที่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ พยายามลดการทำงานและหาเวลาออกไปปั่นจักรยานแทน เรียกเหงื่อ และยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ได้ผ่อนคลายจิตใจอีกด้วย