KSSTalk (3 ส.ค.58)

คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/58 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 167% QoQ 

เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/58 จะเพิ่มขึ้น 23% YoY และ 167% QoQ เป็น 129 ล้านบาท จากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 323% QoQ เป็น 902 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งที่เราคาดว่าจะโตถึง 538% QoQ เป็น 825 ล้านบาท เนื่องจาก GUNKUL เริ่มรับรู้รายได้บางส่วนจากการขายอุปกรณ์สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 87 MW ในไตรมาสนี้ ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ในโครงการเหล่านี้อยู่ 67% แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่ารายได้จากธุรกิจ EPC จะลดลง 14% QoQ เหลือ 55 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีการเริ่มงาน EPC ใหม่ๆ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2/58 จะลดลงเหลือ 21% จาก 27% เนื่องจากธุรกิจเทรดดิ้งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำลง

คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงสุดในไตรมาสที่ 3/58

ผู้บริหารของ GUNKUL คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 3/58 น่าจะเพิ่มขึ้นและทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.5 พันล้านบาท จากการที่บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายอุปกรณ์สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 87MW ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2 พันล้านบาท (จากมูลค่าทั้งหมด 3 พันล้านบาท) ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ EPC คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากที่มีงาน EPC ใหม่ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 8 MW จากลูกค้าซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้บริษัทก็ยังจะมีการบันทึกรายการพิเศษ คือการบันทึกกำไรย้อนหลังอีก 25 ล้านบาทสำหรับงวดครึ่งแรกของปีนี้จากโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซ#1 (25 MW) ในพม่าอีกด้วย

คงคำแนะนำให้ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 27.5 บาท

เรายังคงคำแนะนำซื้อ เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไรที่ 52% CAGR (2557-2560F) ทั้งนี้ราคาหุ้นของ GUNKUL น่าจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดในระยะสั้นจากผลประกอบการที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 2/58 และ 3/58 แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนอีก 275 ล้านหุ้นเพื่อระดมทุน 6.5 พันล้านบาท สำหรับลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าหกแห่ง (กำลังการผลิตรวม 294 MW) ในปี 2558-2560 ก็จะยังกดดันราคาหุ้นไปจนกว่าจะขึ้น XR และ XW ในวันที่ 25 ส.ค. เรายังคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 27.5 บาท โดยรวมผลจากการขายหุ้นเพิ่มทุนผ่าน rights offering (RO) 183 ล้านหุ้นไว้แล้ว