พท.ยันมูลนิธิกปปส.เป็นกลุ่มกดดัน ทำงานร่วมกับปชป.

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนได้ร่วมแถลงข่าวพร้อมกับแกนนำกปปส. ถึงทิศทางและการเคลื่อนไหวของมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย และสนับสนุนให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ว่า วันนี้ มูลนิธิ กปปส.ที่นายสุเทพและคณะตั้งมานั้น มีลักษณะเป็นเหมือนกลุ่มกดดัน โดยเขาเริ่มบอกว่าให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งของการกดดันแล้ว เมื่อก่อนเขากดดันด้วยการเคลื่อนไหว ออกไปเดิน

แต่วันนี้เขาทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะถ้าทำก็จะลำบาก เขาก็ใช้วิธีแถลงการณ์ผ่านสื่อ และต่อไปก็คงจะมีเรื่องที่มากดดันอีกเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเมื่อลาสิขาบถวันแรก เขาก็ไปกดดันว่าไม่เห็นด้วยที่จะย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไปภูเก็ต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ต่างประเทศก็มี เช่น กลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจ (Interest Group) เป็นต้น 

นายสามารถ กล่าวอีกว่า พูดง่ายๆคือ วันนี้เริ่มประกาศกดดันเรื่องปฏิรูป แล้วพอถึงเวลาจะมีการทำประชามติ ถ้าเขาอยากให้รัฐธรรมนูญนี้ผ่านหรือไม่ผ่านเขาก็ต้องใช้มูลนิธิของเขานี่แหละเคลื่อนไหว เพราะจะมีน้ำหนักดีกว่าการใช้พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหว แต่จริงๆแล้วก็เนื้อเดียวกันนั่นแหละ เพราะนายสาธิต วงศ์หนองเตย แกนนำกปปส. ก็พูดชัดเจนว่ากปปส.ไม่ได้ห้ามสมาชิกไปลงการเมืองได้ อาจจะเว้นเฉพาะแกนนำสำคัญที่เข้ามาดำเนินงาน และตอนที่นายสุเทพลาสิขาบถ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไปร่วมพิธีอยู่

จากนั้นก็มาแถลงทันทีว่า สนับสนุนให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าจะปฏิรูปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี จะปฏิรูปเรื่องอะไรบ้าง แล้วเอาอะไรมาวัดว่าอย่างไหนคือปฏิรูปเสร็จหรือไม่เสร็จ พูดแค่คำเดิมๆเหมือนที่พูดสมัยตอนเป่านกหวีด ซึ่งเรื่องการปฏิรูปนี้คงจะทำวันนี้พรุ่งนี้ไม่เสร็จหรอก การปฏิรูปนั้นเหมือนกับการเรียนหนังสือ คือทำได้ตลอดชีวิต ขณะนี้เราก็รู้ปัญหาของบ้านเมือง และบ้านเมืองกำลังเสียโอกาสในโอกาสในทุกด้านเพราะเราไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วยังดึงดังข้อเสนอแบบนี้แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนเล่า ใครจะรับผิดชอบ ตนจึงมองว่ามูลนิธิของนายสุเทพนี้เป็นกลุ่มกดดันสังคม และรัฐบาล ให้ไปในทิศทางที่ตัวเองคิดว่าอยากให้ทำ และถ้าเลือกตั้งปชป.กลายเป็นฝ่ายค้าน กลุ่มนี้ก็จะเป็นกำลังสำคัญหรือเป็นแนวร่วมของฝ่ายค้านอีกกลุ่มหนึ่งที่จะไปกดดันการทำงานของรัฐบาลให้ทำงานได้ยากขึ้น