ตำรวจเล็งเรียก'บรรยิน'มาสอบอีกรอบ

ตำรวจเล็งเรียก'บรรยิน'มาสอบอีกรอบ

กองปราบฯเตรียมเรียก"พ.ต.ท.บรรยิน"สอบอีกรอบ ในข้อสงสัยอีกหลายประเด็น

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า ภายหลังจากทาง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนนั้น ทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนจะมีการเรียกน.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว และน.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล มาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบสำนวนและคำให้การ รวมถึงอาจจะมีการเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน เช่นเดียวกับกรณีที่พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวถึงบุคคลที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับกรณีทรัพย์สินของนายชูวงษ์ และเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวร้องทุกข์ของทางญาตินายชูวงษ์ ในครั้งนี้นั้น ในเบื้องต้นยังไม่ทราบข้อมูล แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ใดที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ก็จะเชิญตัวมาสอบปากคำต่อไป

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคลิปเสียงสนทนาของนายชูวงษ์ กับโบรกเกอร์สาวเรื่องที่มีการโอนหุ้นนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบ เพราะต้องหาเครื่องมือที่ทันสมัย เนื่องจากเครื่องมือปัจจุบันที่มีอยู่ไม่สามารถยืนยันเส้นเสียงของบุคคลในคลิปว่าเป็นการปลอมเสียงขึ้นมาหรือไม่ รวมทั้งไม่สามารถยืนยันในชั้นศาลได้ แต่คงใช้ในการประกอบสำนวนคดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนกรณีลายเซ็นของนายชูวงษ์นั้น เบื้องต้นทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ส่งผลตรวจลายเซ็นชุดแรกมาแล้ว ซึ่งเป็นผลตรวจลายเซ็นของนายชูวงษ์ที่ทำธุรกรรมกับบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี นอกจากนี้ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนส่งเอกสารลายเซ็นการทำธุรกรรมชุดที่สองที่นายชูวงษ์ได้ทำธุรกรรมกับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ให้กับทางกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบหาความชัดเจนต่อไป โดยในวันเสาร์ที่ 1 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีการเรียกชุดทำงานมาประชุมร่วมกันเพื่อสรุปผลความคืบหน้าคดี

ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ รวมทั้งประมวลข้อมูลคำให้การของพ.ต.ท.บรรยิน

รายงานข่าวแจ้งว่า การสอบปากคำของพ.ต.ท.บรรยิน นั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและคดีมีความคืบหน้าไปมาก สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้สอบถามจาก พ.ต.ท.บรรยิน นั้น มีทั้งประเด็นเรื่องการโอนหุ้น เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.ท.บรรยิน นายชูวงษ์ ที่มีต่อ น.ส.กัญฐณา และ น.ส.อุรชา ซึ่งทาง พ.ต.ท.บรรยิน สามารถตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนได้ในทุกประเด็น รวมทั้งยังให้ข้อมูลในบางเรื่องที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบถาม เนื่องจากรู้แนวและการดำเนินการของพนักงานสอบสวนอยู่แล้วเพราะทาง พ.ต.ท.บรรยิน ก็เป็นนายตำรวจที่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.จะพิจารณาในประเด็นต่างๆ ที่ยังไม่ได้ซักถามจาก พ.ต.ท.บรรยิน จึงเตรียมจะพิจารณาเชิญตัว พ.ต.ท.บรรยิน มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน เวลา ที่จะนัดหมาย ส่วนกรณีที่ อดีตสส.นครสวรรค์ กล่าวถึงบุคคลที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับกรณีทรัพย์สินของนายชูวงษ์ และเป็นผู้บงการเกม หรือชักใยอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวร้องทุกข์ของทางญาตินายชูวงษ์ ในครั้งนี้นั้น ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบข้อมูล แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ใดที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ก็จะพิจารณาเชิญตัวมาสอบปากคำต่อไป

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งมีลายเซ็นของนายชูวงษ์ ส่งไปตรวจสอบยังกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ทั้งหมดแล้ว และมีการส่งผลตรวจกลับมาให้โดยมีการรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ขณะเดียวกัน ในส่วนของคลิปเสียงนายชูวงษ์ ก็มีการนำส่งไปยัง พฐ.เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน แม้ว่าอาจจะไม่ได้ถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยืนยันว่าจะต้องดำเนินการในทุกขั้นตอนอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยใดๆ และสามารถตอบคำถามได้ในทุกประเด็น

ทั้งนี้ ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการแบ่งหน้าที่กันเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ ให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาออกหมายจับผู้ใด เพราะยังเร็วเกินไปที่จะระบุได้ว่า มีผู้กระทำความผิดจากกรณีที่มีการร้องทุกข์ของญาตินายชูวงษ์ ในประเด็นการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 280 ล้านบาท ไปให้กับ น.ส.กัญฐณา และ น.ส.อุรชา โดยยังคงต้องใช้เวลาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกระยะหนึ่ง