'สุเทพ'ย้ำต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

'สุเทพ'ย้ำต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

มูลนิธิมวลมหาประชาชน ย้ำต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แนะรัฐบาลถึงทางออกประเทศ ปัดทำงานการเมือง ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง -ธรรมะของท่านพุธทาส

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนได้ร่วมแถลงข่าวพร้อมกับแกนนำ กปปส. ถึงทิศทางและการเคลื่อนไหวของมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย ว่ามีวัตถุประสงค์ทำเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ และพร้อมจะยืนหยัดยึดมั่นแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยตามเจตนาของมวลมหาประชาชนที่ได้แสดงออกเมื่อปี พ.ศ.2556-2557 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มูลนิธิได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ขออนุญาตต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานครกระทรวงมหาดไทย โดยมีการตรวจสอบคุณสมบัติของมูลนิธิวัตถุประสงค์เป้าหมาย อย่างชัดเจนและก็ได้รับอนุญาตให้เป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายมีความชอบธรรมทุกประการและขณะนี้ขอถือโอกาสกล่าวว่ามูลนิธิฯจะปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่างและให้ความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับรัฐบาลในการรักษาความสงบเรียบร้องของบ้านเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าของประเทศและประชาชน ทั้งหมดคือจุดยืนของมูลนิธิ 

ประธานมูลนิธิฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สิ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการไปแล้วในเรื่องแรกตั้งแต่ตอนที่เริ่มก่อตั้งในขณะที่ตนเป็นพระสงฆ์คือได้เยียวยาประชาชนที่เสียเลือดเนื้อ ชีวิต เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของประชาชนเพื่อชาติทุกรายอย่างเรียบร้อย โดยมีการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่บาดเจ็บในทุกเดือน รวมถึงดูแลเรื่องสภาพความเป็นอยู่หลังจากนั้น บางคนที่ทุพพลภาพมูลนิธิก็ต้องให้เงินช่วยเหลือเป็นรายเดือน เพราะว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งเป็นผลจากการทำร้ายของคนที่ไม่หวังดีในช่วงที่เขามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ยังได้ดูแลทุกครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยกำลังการสนับสนุนของมวลมหาประชาชน เงินบริจาคของประชาชน ซึ่งในส่วนของเงินบริจาคนี้ได้มอบหมายให้นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และตัวแทนของมูลนิธิมอบส่งให้ทุกครอบครัว มีการจัดเงินทุนไปฝากบัญชีให้ลูกกำพร้าทุกคนที่พ่อแม่ต้องเสียชีวิตทุกคนจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อนำดอกผลจากเงินจำนวนนี้ ไปใช้ในการศึกษาโดยมีข้อตกลงว่าจนกว่าจะเรียนจบและบรรลุนิติภาวะ จะไม่ถอนเงินออกจากบัญชีจนกว่าจะสามารถตั้งต้นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ได้ดำเนินการกันแล้วและต้องดูแลกันต่อไป หลังจากนี้กรรมการมูลนิธิจะได้ติดตาม ขอยืนยันว่าเงินที่จัดหามานั้นเป็นเงินทุนที่มีที่มาบริสุทธิ์ และเป็นน้ำใจของมวลมหาประชาชนไม่มีการนำเอาเงินส่วนรวมมาใช้ ส่วนที่รัฐบาลจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือหรือไม่อย่างไรนั้น ทางมูลนิธิไม่ได้ไปกดดันแต่ทำไปตามหน้าที่ 

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สองที่ทางมูลนิธิได้ดำเนินการคือเรื่องเชิญชวนอุปสมบท 1 พรรษา ทางมูลนิธิฯได้ชักชวนมวลมหาประชาชน และพุทธศาสนิกชนให้เห็นความสำคัญของการศึกษาธรรมะ ได้จัดทำโครงการบรรพชาอุปสมบท เพื่อปฏิบัติธรรมถวายเป้นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวโดยจะอุปสมบทหมู่ทุกเดือนที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกข์พลาราม จ. สุราษฎ์ธานี ซึ่งน่ายินดีมากเพราะมีการบวชพระจำนวน 689 รูป มีคนมาจาก 58 จังหวัดทั่วทุกภาคประเทศ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ที่เราภาคภูมิใจว่าประชาชนให้การสนับสนุน ซึ่งทางมูลนิธิฯจะสนับสนุนโครงการนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามถ้าจังหวัดไหนประชาชนและคณะสงฆ์พร้อม มีความอุปสมบทหมู่โดยมีเป้าหมายที่จะศึกษาและปฏิบัติธรรมะ ให้เกิดบุญกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะเข้าไปสนับสนุนทุกจังหวัดไม่เพียงแต่ที่วัดธารน้ำไหลเท่านั้น 

นายสุเทพกล่าวต่อว่าสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปนี้และต้องเริ่มทันทีนั้นคือ 1. ขอเชิญชวนประชาชน คนที่มีอุดมการณ์อย่างเดียวกันมาร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิ โดยขอให้ร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิของทุกคนที่รักชาติรักแผ่นดินใครที่มีอุดมการณ์ก็สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของ โดยเราจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยของแท้จริงซึ่งคณะกรรมการของมุลนิธิฯนขณะนี้ถือเป็นชุดเริ่มต้น ต่อไปเมื่อประชาชนได้เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธิ ภายใน 1 ปี เราจะจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิฯกันใหม่ ในระหว่าง 1 ปีนี้ เราจะระดมความคิดเห็นของประชาชนว่าจะกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ชนิด ประเภทของแนวทางที่จะดำเนินการตามลำดับก่อนหลังอย่างไร และสิ่งที่ต้องทำต่อไปกข้างหน้าเป็นความประสงค์ของประชาชน เป็นเจตนารมณ์ที่ดีของมวลมหาประชาชนที่ดีของประชาชนในประเทศนี้ ไม่ใช่แค่ของกรรมการแค่ 10 คน โดยกรรมการมูลนิธิฯจะเป็นผู้ร่วมคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นกรรมการ ผู้บริหาร ในการทำกิจกรรมของมูลนิธิฯ แนวความคิด ทิศทาง ชนิดของกิจกรรมที่จะปฏิบัติ ก่อนหลัง ต้องรับผิดชอบ ดูแล ให้มีค่าใช้จ่ายเพียงพอสำหรับมูลนิธิที่จะดำเนินการได้ โดยทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของมูลนิธิไม่ว่ามีฐานะจะต่างกันอย่างไร ก็มีสิทธิ มีเสียงเท่ากันทุกคน เราตั้งแนวทางไว้ว่าคนที่จะมาเป็นเจ้าของมูลนิธิต้องสามารถเปิดเผยได้ว่าประกอบอาชีพเท่าไร มีรายได้เท่าไร และพร้อมจะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเท่ากับรายได้หนึ่งวันในหนึ่งปีของแต่ละคน บางคนอาจจะบริจาคให้ปีละ 300 บาท บางคนอาจจะให้ปีละ 300,000 บาท แต่ทั้งนี้ทุกคนมีเสียงเท่ากัน 1 เสียงในการตัดสินชี้ขาดทิศทางการทำงาน และหากว่าในจังหวัดหรืออำเภอใดมีผู้ที่เป็นเจ้าชองมูลนิธิจำนวนมากพอสมควร มีนัยยะสำคัญ เราก็จะเปิดสาขาและสำนักงานในจัดงหวัดและอำเภอนั้นเพื่อสะดวกและประสานงานในการทำงานร่วมกันต่อไป การที่ตนพูดแบบนี้เพราะต้องให้เห็นชัดเจนแนวทางก็เพราะว่าต้องการที่มาของเงินว่าไม่มีใครมาอยู่เบื้องหลัง เรารับเงินคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดิน เพื่อมาทำงานให้ประเทศเท่านั้น  

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า 2.มูลนิธิจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนหากจำเป็นที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อจะปกป้องประโยชน์ของประเทศและประชาชนไทย เราก็จะทำเช่นกรณีที่องค์กรทั้งหลายในเรื่องที่คนทั้งหลายไม่เข้าใจคนไทย ไม่เข้าใจสภาพของประเทศไทย เราพร้อมที่จะส่งตัวแทนไปชี้แจง ถ้ามีรัฐบาลของบางประเทศหรือกลุ่มประเทศมีปฏิกิริยามีความเข้าใจผิด และตัดสินใจมาตรการที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทางมูลนิธิพร้อมจะส่งตัวแทนไปชี้แจงให้รัฐบาล สภา และสื่อมวลชนของประเทศนั้น ๆ ได้เข้าใจ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใครทั้งสิ้นแต่ต้องทำเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศและประชาชน เราต้องการให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เพราะเรามีใจที่เป็นธรรมกับทุกคน เพราะเรามีความรักในประเทศของไทย   

3. มูลนิธิจะเป็นศูนย์รวมแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อการปฏิรูปประเทศ รวบรวมแนวคิดอุดมการณ์ต่าง ๆ ของคนไทยที่มีแก้ไขเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยทำอย่างสร้างสรรค์ ในช่วงแรกนั้นจะมีการเปิดสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ เว็บไซท์เพื่อความสะดวกในการรวบรวมแนวทางต่าง ๆ เราไม่สามารถการเปิดเวทีพูดคุยกับประชาชนเพราะจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับ คสช.ในการควบคุมตรวจสอบ เราเคารพกฎหมาย กติกาที่มีอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้คำสั่งของ คสช.ชอบด้วยกฎหมาย เรารู้ดีว่ารัฐบาล คสช.เป็นที่ต้องการของประเทศในการดูแลบ้านเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ เราทำอะไรด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่สามารถที่จะไปชุมนุมชี้แจงหรือแลกเปลี่ยนความเห็นได้ เพราะอาจจะมีคนมองว่า คสช. 2 มาตรฐาน อนุญาตให้เราชุมนุมได้แต่คนอื่นชุมนุมไม่ได้    

ทั้งนี้เรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองนั้นไม่เคยเป็นเป้าหมายของมูลนิธิ แม้แต่การแถลงข่าวก็ได้คิดแล้วคิดอีกและมีการขออนุญาตกับคสช.โดยชี้แจงวัตถุประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้เชิญเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ ถ้าทำอะไรที่ผิดจากสิ่งที่ขออนุญาตไว้ ก็สามารถสังระงับได้ทันที ซึ่งเราก็จะปฏิบัติตามคำสั่งนั้น เพราะเราไม่ใช่คนที่ต้องการอภิสิทธิ์ และไม่ต้องการถูกครหาว่าทำให้เกิดเหตุ 2 มาตรฐาน ต้องขอความกรุณาว่าในอนาคตนี้การเคลื่อนไหวแสดงออกของทางมูลนิธินั้นคงต้องอาศัยสื่อโซเชียลและขอความทางสื่อมวลชนไปก่อน                

นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการทำกิจกรรมแนวทางที่เป็นวัตถุประสงค์ของมูลนิธิโดยจะใช้แนวทางการปฏิรูปประเทศที่ยึดหลักธรรมะในทุกหลักศาสนาเป็นสำคัญเพื่อการปฏิรูปประเทศ พี่น้องของมูลนิไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหนก็ตาม ต้องร่วมมือกันปฏิบัติตามหลักธรรมะของทุกศาสนาเช่นใน ด้านการปฏิรูปการศึกษาทางกรรมการมูลนิธิฯเห็นว่าต้องผลักดันให้การศึกษานั้นผลิตคนออกมารับใช้ประเทศ แนวทางการศึกษาจะต้องไม่ใช่แค่เป็นเลิศทางวิชาการหรือวิชาชีพแต่เราต้องให้ผู้ที่ศึกษานั้นมีธรรมะและคุณธรรมในสาขาต่าง ๆ ด้วยเช่นเรื่องคนในระดับกลางที่จะต้องผ่านโรงเรียนฝึกฝนอาชีพ หรืออาชีวะ คนเหล่านี้จะต้องเป็นกลไก ฟันเฟืองที่สำคัญในการปฏิรูปประเทศ เราต้องการคนที่มีคนมีคุณภาพคุณธรรมในการทำเรื่องนี้เป็นรูปธรรมทั้งนี้มูลนิธิฯจะจัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวณาโพธิคุณที่เกาะสมุยโดยจะสอนในเรื่องของวิชาชีพและฝึกอบรมธรรมะ โดยนักศึกษาของเราจะต้องเรียนรู้ฝึกฝนตนเอง เอาตัวรอดจากวัตถุนิยม ฝึกควบคุมตนเอง การสำรวม ถ้าคนเราควบคุมกายใจของตัวเองได้ จะไม่มีความทุกข์ นอกจากนี้เราต้องฝึกนักศึกษาในวิทยาลัยทั้ง 5 ปีให้เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเองให้พอใจในการเป็นอยู่การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ถ้าคนเรากินอยู่พอเหมาะไม่เลยเถิดก็จะมีความสุขกับรายได้และประมาณตนเอง เพราะฉะนั้นนักศึกษาของเราต้องฝึกตนเองให้ตื่นรู้อยู่เสมอ จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างกรรมการที่เป็นฆราวาส และกรรมการที่เป้นพระภิกษุ ซึ่งนักเรียนทุกคนจะเป็นนักเรียนทุนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์กติกา เพื่อจะออกไปเป็นคนที่มีความสามารถมีธรรมะ           

พร้อมจะตั้งวิทยาลัยแบบนี้ร่วมกับองค์การทางศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามต่อไป ซึ่งการที่เราตั้งวิทยาลัยที่เกาะสมุยก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์เป็นวิทยาลัยศึกษาต้นแบบและถ้าทำได้จะมีการรณรงค์ให้เพื่อให้องค์กรการกุศลต่าง ๆ ที่มีกำลังมาช่วยกันทำในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถ้ารัฐบาลเห็นชอบด้วยจะประกาศทำอย่างเดียวกัน เราก็ยินดี โดยจะเริ่มลงมือทำในทันทีในวันนี้ภายใน 1 ปีเราจะเปิดวิทยาลัยอาชีวะต้นแบบให้ได้ สร้างชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบโดยจะเดินตามรอยพระยุคคลบาทน้อมนำปรัชญาพระราชทานเพื่อเศรษฐกิจพอเพียงมาทำอย่างจริงจัง เราจึงได้ไปเลือกเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะทะรวย อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเกาะอ่างทองใกล้เกาะสมุยซึ่งมีประชาชนอยู่ 200 ครอบครัว ที่ประกอบเกษตรและประมงเป็นหลัก ซึ่งคนในชุมชนมีความหลากหลายในอาชีพ และเราตั้งใจว่าจะทำให้เป็นเกาะและชุมชนต้นแบบมีความรัก สามัคคี เอื้อเฟื้อ มีธรรมะและมีความสุขตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขอย้ำว่าเรามีจุดยืนเพื่อให้เกิดการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง               

ผู้สื่อข่าวถามว่าตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิที่ให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลปัจจุบันและกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าหากมีแนวทางที่ไม่ตรงกับมูลนิธิฯ มูลนิธิฯจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรในเชิงรูปธรรม นายสุเทพตอบว่าเราสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ขอยืนยันว่าต้องการเห็นรัฐบาลนี้ทำการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลและกมธ.ฯยกร่าง เราหวังว่าทุกคนที่มีหน้าที่ของท่านอยู่ ขอให้ท่านได้ตระหนักว่าประชาชนคาดหวังอะไร ต้องการเปลี่ยนแปลงในประเทศอย่างไร และเราก็เอาใจช่วยขอให้ทำงานสำเร็จ แต่ต้องอนุญาตด้วยความเคารพว่าถ้าท่านไม่ได้ผลักดันการปฏิรูปไปในทิศทางที่เราเห็นว่าเป็นความถูกต้อง เราก็ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นไปยังท่าน โดยจะทำอย่างเรียบร้อย ไม่ได้หมายความว่าถ้าเห็น กมธ.ยกร่างฯทำผิดแนวแล้วเราจะเดินขบวนไปหาที่สำนักงาน เราจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ แต่เราจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือ โดยจะบอกกับสาธารณชนว่าสิ่งที่ท่านคิดกับสิ่งที่เราคิดต่างกันอย่างไร อย่างนี้ถือว่าเรียบร้อยไม่เกิดปัญหากับใคร โดยการทำงานของท่าน หน้าที่การแสดงความเห็นเป็นของเรา ท่านจะทำถูกหรือทำผิด เราจะทำถูกหรือทำผิด ประชาชนก็จะเห็นและตัดสินเอง เราจะไม่มีการชุมนุม ประท้วง ไม่มีการบุกสำนักงานใด ๆ ทั้งสิ้น 

ต่อข้อถามที่ว่าการตั้งมูลนิธิจะเป็นการคลื่อนควบคู่กับการปฏิรูปประเทศหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าขอให้คนที่กังวลสบายใจได้ เพราะเราจะทำงานมูลนิธิอย่างเปิดเผย เพราะในวันนี้ก่อนที่ลงมือทำก็มาประกาศกับสาธารณชนว่าต่อไปนี้จะเคลื่อนไหวอย่างไร และบอกทิศทางชัดเจน และขอให้ทุกฝ่ายติดตามเราด้วย ถ้าหากเดินออกนอกทางก็สามารถนะนำเตือนเราได้ เราก็เป็นคนอยู่ในศีลธรรม ส่วนใหญ่ก็บวชเรียนกันมาแล้วทั้งนั้น อย่างบอกว่าจริงใจและเปิดเผยก่อนที่จะมาทำมูลนิธิ เราก้ยึดถือแนวทางธรรมะ แนวทางความสงบ เพราะฉะนั้นอย่ากังวล อย่ามีชีวิตด้วยความกลัว เราต้องกล้าหาญที่จะทำอะไรที่ถูกต้อง  

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขับเคลื่อนของมูลนิธิมีความเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันและขอย้ำว่าตนไม่กลับไปที่พรรค และไม่กลับไปเป็นนักการเมืองอีกแล้ว หลังจากนี้นั้นความคิดตนอาจมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกับพรรค เราเดินหน้าเพื่อประโยชน์ของประเทศ ขอให้รอดูพฤติกรรมของเรา ทั้งนี้คนที่จะมาดูแลมูลนิธิ ใครจะไปอยู่พรรคไหนก็เป็นสิทธิของเขาแต่ตราบใดที่อยู่ในมูลนิธิฯต้องมีทิศทางเพื่อประโยชน์ของประเทศ 

 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากทางองค์กรในต่างประเทศหรือบางประเทศเข้าใจในประเทศไทยผิดจะส่งใครไปชี้แจงในนามมูลนิธิฯและในขณะนี้เห็นประเด็นว่าจะต้องไปชี้แจงหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่าตนได้ปรึกษาทางกรรมการแล้ว และได้เชิญนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายต่างประเทศ หากมีองค์กรประเทศไหนเข้าใจคนไทยผิดหรือตัดสินใจทำสิ่งที่ทำให้เสียประโยชน์ของประเทศ นายกษิตและคณะก็พร้อมที่จะไปชี้แจงทั้งในและนอกประเทศอยู่ที่ไหนก็จะไป มูลนิธิมีกำลังที่จะส่งคนไปอธิบาย เราหวังว่าจะสื่อสารกับองค์กรในต่างประเทศให้เข้าใจในประเทศได้อย่างถูกต้อง 

ต่อข้อถามที่ว่าจะถือว่าเป็นล๊อบบี้ยิสต์ของประเทศหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ล๊อบบี้ยิสต์ทำเพื่อค่าจ้างแต่การปฏิบัติหน้าที่ของเราเท่ากับเป็นการปฏิบัติตามหลักธรรมมะเพื่อชาติและเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดินในเรื่องขององค์กรที่มีความเห็นต่างกังวลว่าบทบาทของมูลนิธิจะพัฒนาหรือขยายไปสู่บทบาทความขัดแย้งรุนแรงเหมือนที่มีในอดีตหรือไม่ รวมถึงการปะทะที่เกิดขึ้นซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้ นายสุเทพกล่าวว่าได้ประกาศไปแล้วว่าเราจะร่วมมือกับทุกองค์กร มูลนิการกุศลต่างๆเพื่อประโยชน์ของคนไทย เพราะฉะนั้นเราไม่ขัดแย้งกับใคร เราประพฤติตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อันเป็นประมุข ยืนยันว่าจะเดินหน้าด้วยการเชิดชูสถาบัน เราเชื่อว่าคนดี ๆ ที่ไหนคงไม่มาเป็นศัตรูของเราเพราะเราเป็นคนดี เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเรื่องนี้ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของมูลนิธิว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการทำประชามติของประชาชนในร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่านั่นเป็นเรื่องของประชาชนที่กว้างกว่าที่มูลนิธิฯจะทำ เพราะการทำประชามติเป็นการถามประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่แค่เจ้าของมูลนิธิฯ เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนไปว่าเรื่องนี้กันเอง 

เมื่อถามต่อว่า ตอนที่ กปปส.ชุมนุมมีโมเดลเรื่องการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เท่าที่ดูตอนนี้ถ้ามีอะไรที่ไม่เห็นด้วยก็จะไปแนะนำรัฐบาลหรือกมธ.ยกร่างฯ คิดว่าตอนนี้มีข้อเสนอแนะนำหรือยังนายสุเทพกล่าวว่าขอไม่ตอบและกล่าวต่อว่าจะเดินหน้าเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศไทยของมวลมหาประชาชน อย่างไรก็ตามขณะนี้แม่น้ำ 5 สายกำลังทำงานอยู่ขอไม่ไปวิจารณ์เพราะงานยังไม่เสร็จ แต่เมื่อพบว่าประเด็นเศรษฐกิจสังคมความมั่นคงจะทำประเด็นอะไรอย่างเป็นรูปธรรมก่อนและแนวทางของมูลนิธิคือการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง

หากปฏิรูปไม่สำเร็จตามกรอบเวลาในโรดแมป จะให้เวลาในการปฏิรูปต่อไปอีกนานเท่าไรก็ได้ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เจตนารมณ์คือต้องให้การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ ตอนที่มวลมหาประชาชนเคลื่อนไหวไม่ได้มีการกำหนดกรอบ แต่คิดถึงผลสำเร็จเป็นสำคัญว่าปฏิรูปให้เรียบร้อยก่อนจะจัดการให้มีการเลือกตั้ง เพราะถ้าปฏิรูปไม่เรียบร้อยแล้วเลือกตั้ง ประเทศก็จะยับเยินแบบเก่า ประเทศก็เสียหาย ส่วนเรื่ององค์กรต่างประเทศพูดอะไรมาแล้วเราจะจัดอันดับอย่างไรก็ต้องคิดถึงสิ่งที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยมากและเร่งด่วนก็จะทำเรื่องนั้นก่อน 

ต่อข้อถามที่ว่าบทบาทที่บอกว่ามีเจตนาที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง บทบาทของมูลนิธิจะสิ้นสุดแค่การเลือกตั้งใช่หรือไม่ หรือจะลากยาวต่อไป นายสุเทพกล่าวว่าให้เอาเรื่องปัจจุบันก่อนว่าทำอย่างไรจึงจะปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง