ปปช.เลยตรวจถนนพังราคา 24.9 ล้านบาท

ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.เลย นำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบถนนตัดใหม่ ราคา 24 ล้าน เชื่อมต่อระหว่างน้ำตกเพียงดิน ต.ปวนพุ อ.หนองหิน กับตำบลห้วยสีเสียด อ.ภูหลวง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าผุพังแล้ว ทั้งๆที่สร้างเสร็จไม่ถึง 2 เดือน ด้าน ผอ.ทางหลวงชนบท เจ้าของโครงการชี้แจง ถนนยังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมา ถนนพังเพราะเป็นแนวน้ำป่า ตัดผ่านภูเขา จี้ผู้รับเหมาเร่งซ่อมด่วน 

ว่าที่ ร.ต.สมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดเลย นำเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนลาดยางระหว่างน้ำตกเพียงดิน ต.ปวนพุ อ.หนองหิน กับ บ้านน้ำพุพัฒนา ต.ห้วยสีเสียด อ.ภูหลวง จ.เลย หลังจากมีประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากถนนที่เริ่มชำรุด ทั้งๆที่ก่อสร้างเสร็จได้เพียงไม่ถึง 2 เดือน 

จากการตรวจสอบพบว่า ถนนสายดังกล่าว ตัดผ่านพื้นที่ป่า บนภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน สภาพพื้นผิวถนนมีร่องรอยแตก แผ่นยางมะตอยลอกร่อนหลายจุด วัดความหนาได้ประมาณ 1 นิ้ว มีการนำเอาปูนซีเมนต์มาฉาบปิดทับไว้ ดินริมถนนพังถล่ม และเริ่มทรุดตัวเป็นทางยาว ขณะตรวจสอบยังพบว่าผู้รับเหมากำลังนำเอาเครื่องจักรเข้ามาซ่อมแซมจุดที่ถูกน้ำป่าพัดจนเสียหายอย่างเร่งด่วน 

ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเลย กล่าวว่า โครงการก่อสร้างถนนสายนี้ เป็นถนนลาดยางแอสฟัลติก คอนกรีต เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระหว่าง บ้านน้ำพุพัฒนา ต.ห้วยสีเสียด อ.ภูหลวง กับคุนหมิงเมืองไทย (สวนหินผางาม) ต.ปานพุ อ.หนองหิน จ.เลย เป็นโครงการตามประชาคมของหมู่บ้านที่ต้องการปรับปรุงขยายเส้นทางถนน จากเดิมต้องใช้เส้นทางจากบ้านสวนห้อม ผ่านบ้านน้ำพุพัฒนา ผ่านบ้านห้วยพัฒนา ไปยังอำเภอภูหลวง ต้องใช้ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร แต่ถนนเส้นทางดังกล่าวใช้ระยะทางเพียงประมาณ 13 กิโลเมตร ประกอบกับต้องการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว 

การดำเนินโครงการใช้เงินงบประมาณของจังหวัดเลย แต่ให้สำนักงานทางหลวงชนบท จ.เลยเป็นผู้ดำเนินการ ต่อมาสำนักงานทางหลวงชนบทฯ ได้จัดประกวดราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และได้ทำสัญญาว่าจ้างกับ หจก.ป.ศรีวิไลลักษณ์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 งบประมาณก่อสร้าง 24,945,000 บาท ระยะทาง 3.275 กิโลเมตร สัญญาเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2557 - 24 พฤษภาคม 2558 (150 วัน) โดยผู้รับจ้างจะต้องรับประกันงานจนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 

ว่าที่ ร.ต.สมบูรณ์กล่าวอีกว่า อย่างไรตาม ตนได้นำเรื่องนี้รายงานให้เข้าไปในไลน์กลุ่มของ ป.ป.ช.ทราบแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งการอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่มีผู้กล่าวหาที่เป็นทางการ จึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถ้ามีผู้ร้อง สำนักงาน ป.ป.ช. จึงสามารถดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นต่อไปได้