ป.ป.ช.เล็งเรียกเอกชนแจงก่อนขึ้นแบล็กลิสต์

ป.ป.ช.เล็งเรียกเอกชนแจงก่อนขึ้นแบล็กลิสต์

"ป.ป.ช." เตรียมเรียกเอกชนที่เข้าข่ายติดบัญชีดำชี้แจง หลังพบไม่ปฏิบัติตามกฎหมายป.ป.ช. 70,000 สัญญา ก่อนทยอยขึ้นแบล็กลิสต์ภายในเดือนหน้า

นายวิโรจน์ ฆ้องวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำ จ.สกลนคร ในฐานะอนุกรรมการกำกับดูแลจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐของ ป.ป.ช. กล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน เพื่อพิจารณาขึ้นบัญชีดำบริษัทเอกชนที่ไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) มาตรา 103/7 วรรคสอง ที่ให้คู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในโครงการที่มีมูลค่าเกินกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายในโครงการต่อกรมสรรพากร ซึ่งมีบริษัทที่เข้าข่ายจะถูกขึ้นแบล็กลิสต์กว่า 1,000 บริษัท เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้ส่งหนังสือแจ้งไปยังบริษัทเหล่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ชี้แจงเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายตามพ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 103/7 วรรคสอง กลับมายัง ป.ป.ช. ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับบริษัทเหล่านั้น ถ้าชี้แจงกลับมาคณะอนุกรรมการฯ ก็จะนำมาพิจารณาว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ แต่ถ้าบริษัทใดไม่ชี้แจงกลับมา ก็จะถูกขึ้นบัญชีดำทันที โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยขึ้นบัญชีดำแต่ละบริษัทภายในเดือน ส.ค.นี้

“สำหรับจำนวนบริษัทที่เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. ขณะนี้ยังมีตัวเลขไม่แน่ชัด เพราะระบบขึ้นเพียงว่ามีคู่สัญญาที่ไม่ยื่นบัญชีรายรับร่ายจ่าย รวม 71,386 สัญญา แต่ไม่ได้แยกว่าเป็นบริษัทใดบ้าง ที่ประชุมจึงมีมติให้เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. กลับไปแยกเป็นรายบริษัทให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า แต่คาดกันว่าน่าจะอยู่ที่หลักพันบริษัท เพราะแต่ละบริษัทจะเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐเฉลี่ย 50-60 สัญญา นอกจากนี้ ยังต้องแยกสัญญาที่ไม่สามารถขึ้นแบล็กลิสต์ออกไปด้วย เช่นมหาวิทยาลัยบางแห่ง เพราะเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่บริษัทเอกชน” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามว่าการขึ้นบัญชีดำแต่ตัวบริษัท แต่ไม่ขึ้นบัญชีดำเจ้าของบริษัท สุดท้ายก็ไปเปิดบริษัทใหม่มาทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐได้อยู่ดีจะแก้ปัญหาอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเริ่มต้นของการใช้มาตรการนี้ คงยังไม่เข้มงวดมากขนาดนั้น ที่สำคัญการเปิดบริษัทใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย คิดว่ากรรมการบริษัทแต่ละแห่งน่าจะอยากทำให้ถูกกฎหมาย ป.ป.ช. มากกว่า แต่ในอนาคต ก็อาจจะต้องมีการแก้ไขระเบียบของ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ ให้ขึ้นบัญชีดำรวมไปถึงกรรมการบริหารบริษัทด้วย