บวกชั่วคราว

บวกชั่วคราว

เริ่มเก็บสะสมหุ้นเมื่อดัชนีปรับฐานลงแรง โดยเฉพาะเมื่อใกล้ 1400 จุด เก็งกำไรรายตัวระยะสั้น

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA :  บวกชั่วคราว

วันนี้มีแถลงการณ์การประชุมเฟด โดยขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลเรื่องตลาดหุ้นจีนและความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับลดลงมากสุดในรอบ 4 ปี ในเดือน ก.ค.บวกกับบริษัทใหญ่อย่าง Pfizer และ Ford ของสหรัฐรายงานงบออกมาดี จึงปรับ sentiment ให้ตลาดอื่นส่วนใหญ่เป็นบวกด้วย ส่วนตลาดไทยเองปรับลงมาแรงแล้วซึ่ง 1400 จุดเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งที่เมื่อวานนี้เอาอยู่ และ SCC รายงานงบออกมาดีกว่า consensus คาด ก็ช่วยหนุน sentiment ด้วย การเกิด Technical rebound ชั่วคราวในวันนี้จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงแต่ก็ยังไม่น่าไกลเกิน 1430 จุด เพราะความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังมีอยู่

แนวรับ/แนวต้าน : 1400/1430 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์ :  เน้นหุ้นที่จะรายงานงบไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่ง ส่วนระยะยาวเน้นปันผลสูงและ defensive เป็นหลัก เริ่มเก็บสะสมหุ้นเมื่อดัชนีปรับฐานลงแรง โดยเฉพาะเมื่อใกล้ 1400 จุด เก็งกำไรรายตัวระยะสั้น

นักลงทุนระยะสั้น : DEMCO(17.50), PTTGC (76)

DEMCO(17.50) รอให้ลงมาต่ำกว่า 12 บาทตั้งนานละ ได้เวลาเริ่มเก็บ DEMCO กันให้จุใจเอาไว้เล่นสั้นกัน หลังจาก KPN ซื้อ Wind Energy Holding ไปแล้ว ก็คลายความกังวลไปได้เยอะ เพราะโครงการลมอีกเพียบจะเดินหน้าไปได้ต่อ และเราคาดว่างบจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป จากการ realize กำไรจากงาน Backlog ที่มีอยู่สูง ส่วนใครถือยาวได้ก็ยิ่งดี เพราะปีหน้ามีแผนนำ WEH เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ด้วยช่วยปลด lock value แถมปัจจุบัน P/E ต่ำสุดในกลุ่มเทียบกับคู่แข่งอย่างเช่น EA และ GUNKUL นะครับ

PTTGC (76) ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนเช่นกัน UOBKH เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 จะต่ำที่สุดของปีนี้ ธุรกิจโอเลฟินส์และ derivative จะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในปี 58 ขณะที่ราคา HDPE ที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะช่วยหนุนกำไรสุทธิของ PTTGC ให้มากขึ้นเนื่องจาก 60-65% ของกำไรสุทธิขึ้นอยู่กับราคา HDPE แถมราคาหุ้น PTTGC ณ ปัจจุบันซื้อขายในระดับถูกด้วย 2015F PE ที่ 8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9 เท่าด้วย รอจังหวะย่อๆมาซัก 65 ซื้อเก็บกินปันผลหรือเล่นสั้นก็ได้นะครับ

นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), EFORL(2.20)

ADVANC (270) UOBKH เรามองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

EFORL(2.20) เราแนะนำค่อยๆเก็บและถือยาวหุ้นเล็กที่ไม่ธรรมดาตัวนี้ upside มโหฬารด้วยเป้า 2.20 ก็ปัจจัยบวกมันมีอยู่เพียบนี่:

• ทีมขายใหม่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ. ปัจจุบัน 80% ของใบอนุญาติขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ถูกโอนจากเจ้าของบริษัทเดิมมายัง EFORL แล้ว ผู้บริหารคาดว่าใบอนุญาติทั้งหมดจะถูกโอนมายัง EFORL ได้ภายในไตรมาส 3/58 และเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มากขึ้น บริษัทฯ ได้รับพนักงานขายใหม่ (ซึ่งคิดเป็น 50% ของทีมขายเดิม) เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมและพร้อมที่จะขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ในปีหน้า ดังนั้น เราคาดว่ายอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องได้ทีปีละ 10%

• เตรียมนำวุฒิศักดิ์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต้นปีหน้า Wuttisak Group Inter Holding (WGIH ซึ่ง EFORL เป็นเจ้าของที่ 60% และถือหุ้น 100% ในวุฒิศักดิ์) อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และคาดจะเริ่มซื้อขายใน SET ได้ในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงของการกระจายหุ้น EFORL จะขายหุ้นบางส่วนของ WGIH ออกไปละโดยจะแบ่งหุ้นของ WGIH ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ EFORL ที่ราคา IPO และจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นมาชำระหนี้สินที่ค้างอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท

• มุ่งเน้นไปยังอัตราการทำกำไรของวุฒิศักดิ์ จากการที่สาขาทั้งหมดของวุฒิศักดิ์ คลินิก (EFORL ถือหุ้นอยู่ 60%) รวม 121 สาขา มีที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน และ พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นแล้ว ในจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วทั้งประเทศไทย และวุฒิศักดิ์ยังอยู่ระหว่างการ consolidation เพื่อพัฒนาอัตราการทำกำไร บริษัทฯ จึงยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสาขาในประเทศเพื่อเพิ่มยอดขายในขณะนี้ แต่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปยังการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่ม margin ให้สูงขึ้น ดังนั้น เราคาดว่ายอดขายของวุฒิศักดิ์ในปี 58 จะยังอยู่ที่ 2,800 ล้านบาทเหมือนในปี 57 อย่างไรก็ดี เราคาดว่า gross margin และ net margin ในปี 58 จะขยายตัวขึ้นอยู่ที่ 30% และ 15% จาก 27% และ 11% ในปี 57 ตามลำดับ สำหรับในปี 59 วุฒิศักดิ์ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายโดยการเพิ่ม SSSG และเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศ 

• เตรียมขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเครื่องสำอาง หลังถือหุ้น 51% ในบริษัท Siam Snail แล้ว EFORL ตั้งเป้าที่จะพัฒนาธุรกิจเครื่องสำอางโดยใช้เมือกจากหอยทากในประเทศไทย ในระยะใกล้ๆ นี้ (อาจจะในไตรมาส 3/58-4/58) บริษัท Siam Snail และบริษัทอื่นๆในเครือ จะมีการทำ JV กับโรงงานผลิตเครื่องสำอางในต่างประเทศเพื่อผลิตเครื่องสำอางร่วมกัน สำหรับการขายปลีกทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ผลประทบต่ออนาคต ดังนี้ครับ:

• มี Upside จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงาม จากแผนการพัฒนาธุรกิจข้างต้น เราคาดว่าสัดส่วนของยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ของ EFORL และยอดขายของวุฒิศักดิ์ในปี 58 จะอยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ สำหรับสัดส่วนกำไรสุทธิในปี 58 จากอุปกรณ์ทางการแพทย์และวุฒิศักดิ์คาดจะอยู่ที่ 25% และ 75% ตามลำดับ จากการที่บริษัทมีแผนการที่จะขยายธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย เราจึงคาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิของ EFORL จะเปลี่ยนจากสัดส่วนไปจากปัจจุบัน เรากำลังรอภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นของการพัฒนาสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางของ EFORL ก่อนที่จะปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรสุทธิ สำหรับในตอนนี้ เรายังคงประมาณการการเติบโตของยอดขายในปี 58 และ 59 เดิมไว้ที่ 249% และ 20% yoy ตามลำดับ และคาดกำไรหลักในปี 58 และ 59 จะเติบโตขึ้น 158% และ 36% yoy ตามลำดับ

• จะกลายมาเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินหลังจากขายหุ้นวุฒิศักดิ์บางส่วนออกไป หากเงินที่ได้จากการขายหุ้น WCIH บางส่วนออกไประหว่างการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพียงพอที่จะชำระหนี้สินทั้งหมดของ EFORL ที่ 3,400 ล้านบาท EFORL จะกลับมามีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งอีกครั้ง นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่ม net margin รวมของ EFORL เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ประมาณปีละ 220 ล้านบาทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากนั้น EFORL อาจจะสามารถมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ ต่อไป

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- นายกฯ สั่งทีมเศรษฐกิจแจงรายละเอียด หลังตัวเลขติดลบหนัก ด้าน "ปรีดิยาธร" มั่นใจนโยบาย คาดจีดีพีปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3% ส่งออกฟื้นไตรมาส 4 จากค่าบาทอ่อน ยันทำงานเต็มที่ ไม่รู้การปรับ ครม. ด้านนายณัฐพล รังสิตพล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย. 2558 หดตัวลง 8% แตะ ต่ำสุดรอบ 15 เดือน จากเดือนก่อนที่ 158.86 เหลือ 155.29 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้นกว่าเดือนก่อนเล็กน้อยจาก 56.94% เป็น 57% สาเหตุหลักมาจาก ผู้ประกอบการรายใหญ่ย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

- หอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ เผยผลสำรวจเอสเอ็มอีแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่าง 1,620 บริษัท พบว่าสภาพธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวในทิศทางที่แย่ลง เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศไม่แข็งแรงตามที่คาดไว้ แต่แนวโน้มในครึ่งปีหลังเชื่อว่าสภาพธุรกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องการให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ 

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,630.27 จุด พุ่งขึ้น 189.68 จุด หรือ +1.09%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และยูพีเอส ขณะที่นักลงทุนจับตาดูประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

- สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด