“สุพจน์ ธีระวัฒนชัย”เจ็บแล้วจำ..! บทเรียนบนสังเวียนธุรกิจ

“สุพจน์ ธีระวัฒนชัย”เจ็บแล้วจำ..! บทเรียนบนสังเวียนธุรกิจ

กว่าจะค้นพบ “สูตรสำเร็จ” ทางธุรกิจได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ลุ้มลุกคลุกคลานมากี่ร้อนกี่หนาว จึงจะค้นพบ “องค์ความรู้”

ที่ตกผลึกพร้อมนำไปประยุกต์ใช้กับกิจการ “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” ให้เติบใหญ่ ภายใต้การบัญชาของ “สุพจน์ ธีระวัฒนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง 1999 จำกัด

กับการเตรียมเปิดสาขาที่ 3 ของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สุพจน์เลือก ต้นตำรับสาขาแรกที่พระราม 3 เป็นสถานที่แถลงข่าว บอกเล่าถึงที่มาที่ไปของการทำธุรกิจนี้

“เราคือต้นตำรับโรงเบียร์เยอรมัน” เขาเริ่มต้นประโยค และขยายความว่า เกือบ 16 ปีเต็ม นับตั้งแต่เปิดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงย่านพระราม 3 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2542 และเปิดสาขาที่ 2 ย่านรามอินทรา เมื่อปี 2548 รอคอยถึง 10 ปี กว่าจะมีสาขาที่ 3 บนทำเลทองการค้าใหม่อย่าง “แจ้งวัฒนะ”

ที่ผ่านมาการทำธุรกิจได้สั่งสมบทเรียนมากมาย โดยเฉพาะการลงทุน “เกินตัว” หรือ Over budget การขยายธุรกิจในทศวรรษที่ 2 จึงค่อนข้างระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ซึ่งเจ้าตัวเอ่ยประโยคทองว่า ..

“อย่าทำธุรกิจแบบคนรวย ต้องทำแบบคนจน ระมัดระวัง” พร้อมสำทับว่าที่ผ่านมามีการลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างที่ล้มเหลว ลงทุนมากไปจนไม่คุ้มกับรายได้ที่คืนกลับมา 

ฉะนั้น “อย่าดูเบา อย่ามั่นใจว่าทำได้ set งบสูง เจ๊งเร็ว”  

ดังนั้นการขยายการลงทุนใหม่ๆจึงนำเอาองค์ความรู้ 16 ปีมารวบรวมแล้วปรับเปลี่ยนให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

จริงอยู่การทำงานอาจเกิดพลาดขึ้นได้ แต่ต้องนำความผิดพลาดนั้นมาปรับแก้ไขให้ดีขึ้น 

“ผมไม่กลัวว่าจะผิดพลาด แต่ผมกลัวว่าผมไม่รู้มากกว่าว่ากำลังผิดพลาด”

ได้ลองและพลาดมาหลายอย่าง อะไรบ้าง?..การเปิดร้านอาหาร เป็นธุรกิจส่วนตัวของเขาในชื่อ Red Sun by Tawandang ที่ห้างค้าปลีกใจกลางเมือง ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ มีรายได้เข้ามาเท่าไหร่ก็ต้องจ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ซ้ำร้ายเจ้าของพื้นที่ไม่มีกลยุทธ์ช่วยดึงคนเข้าไปใช้บริการ เนื่องจากทำเลที่ตั้งอาจไม่โดนและจูงใจลูกค้ามากพอ

หรือกระทั่งการเปิดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงที่กัมพูชา ก็ยังไม่ถูกจริตกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นั่น การรับประทานอาหารและเสพความบันเทิงในจุดเดียวแบบ one stop ยังไม่เป็นที่คุ้นชิน 

ทว่า ไม่ยิ่งหย่อนไปจากข้างต้นคือการมี “พันธมิตร” หรือหุ้นส่วนที่จริงใจ ไร้ข้อพิพาทชวนทะเลาะ อย่างโรงเบียร์แห่งนี้ มีหุ้นส่วนสำคัญ 3 คน ได้แก่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” และ “ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ” แห่งคาราบาวแดง และตัวเขา โดยถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากัน

“เรายังไม่ทะเลาะกัน” ประโยคปนเสียงหัวเราะตอบกลับต้นคำถาม “หากมีหุ้นส่วนเหมือนของผม เหมือนได้เจอบุญกุศลชั่วชีวิต หาให้เจอ” ได้แก่ ความจริงใจ ไม่ทำร้ายกัน ซื่อสัตย์ มีความเข้าใจกัน ไม่อิจฉา ไม่คิดเล็กคิดน้อย รู้จักละอายหากคิดไม่ถูกไม่ควร

ความสัมพันธ์ทั้ง 3 ไม่เพียงแค่เป็นหุ้นส่วน แต่เปรียบเสมือนพี่น้อง ที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจดูจะ “ผนึกกำลัง” กันเพื่อขยายอาณาจักรโรงเบียร์และร้านอาหารไทยแบบเงียบๆ โดยเฉพาะการ “บุกต่างประเทศ” ในอนาคต เมื่อคาราบาวแดงรุกลงทุนและขยายตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในกัมพูชา พม่า และอังกฤษ ปูทางสร้างสปริงบอร์ดไว้รอแล้ว

“เมื่อยังไม่เดิน ก็ยังไม่คิด(ขยายธุรกิจ) แต่มีไอเดีย เพราะเราจับมือกันอยู่ข้างหลังอยู่แล้ว” เขาเล่าความสัมพันธ์ซี้ปึ้กทางธุรกิจ

ทั้งนี้ เหตุที่เจ้าตัวไม่การันตีว่าสาขาใหม่ๆในต่างแดนจะเห็นเมื่อไหร่ ปัจจัยสำคัญคือ ขาดแม่ทัพคนสำคัญที่จะขับเคลื่อน “ใครจะเป็นสุพจน์ 1 สุพจน์ 2 และสุพจน์ 3 และ 4 ส่งจากไทยอาจไม่ใช่ ส่งไปตายแน่ ต้องใช้คนที่นั่น(โลคัล)ดูแล” อย่างร้านอาหารที่ซิดนีย์ ย้ำว่ามีองค์ประกอบครบครัน “พากันไปตาย ไม่เอา อายุมากแล้ว ไม่อยากเจ๊ง”

รัดกุมรอบด้านป้องกันความเสี่ยง ทว่าผลพวงการเซอร์เวย์หาทำเลทองนานถึง 4 ปี พบว่า การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานฝั่งเหนือของกรุงเทพฯ การไร้โรงเบียร์แฮงเอาท์ และปัจจัยอื่นอีกมากมาย ล้วนทำให้ลูกค้าปูเสื่อรอให้โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงมาเปิด และนั่นสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดมหาศาล

7 เดือนที่เขาคลุกคลีอยู่กับไซส์งานก่อสร้างสาขาใหม่ พัฒนาแก้ไขร้านให้ดีกว่าเดิมแบบละเอียดยิบทั้งภายในภายนอกโรงเบียร์ ตั้งแต่ทำเลที่นั่ง ห้องน้ำชายหญิง โถอาเจียน เวที ไปจนถึงการจัดวางถังต้มเบียร์สด ล้วนตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นให้มากที่สุด

ขายเบียร์สดรสชาติเยอรมัน ก็ต้องคุมเข้มการ “ต้มเบียร์” จึงยังคงใช้มือดีตั้งแต่วันแรกในการ Brew Beer จากเยอรมัน เสริมทัพอาหารด้วยเชฟมือดี พนักงานบริการที่เทรนกันมาแรมเดือน

ปัจจุบัน “ต้นทุนค่าแรง อิฐ หิน ปู ทราย” วัสดุก่อสร้างแพงขึ้นยกกระบิ เป็นสาเหตุให้งบลงทุนพุ่งถึง 200 ล้านบาท เทียบกับสาขาแรก 60 ล้านบาท และสาขา 2 ลงทุน 120 ล้านบาท จะเปิดให้บริการวันที่ 7 ส.ค.58 วันแรก เจ้าตัวยังภาวนาอย่าให้งบบานปลาย เพราะแค่นี้คำนวณคร่าวๆ การคืนทุนยุคนี้ก็ยืดยาวเป็น 3 ปี จากเดิมใช้เวลาราว 2 ปีครึ่งเท่านั้น

โจทย์เศรษฐกิจกำลังซื้อไม่ดี สุพจน์ดูจะใจดีสู้เสือ อาจเพราะผ่านบทเรียนหนักในอดีตมามาก 

“ทุกครั้งที่เปิดโรงเบียร์เจอวิกฤติตลอด ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันเป็นจังหวะ” เขายิ้ม และบอกว่า ธุรกิจครั้งนี้ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เมื่อบริบทสังคมยังอารมณ์ดี ไม่มีม็อบรุนแรง ที่สำคัญลูกค้ายังเข้ามาใช้บริการกันอุ่นหนาฝาคั่งทั้งไทยและเทศ ดังนั้น 5 เดือนสุดท้าย เขาหวังว่าจะโกยยอดขายจากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงสาขา 3 ได้ 100 ล้านบาท

เพื่อให้เป็นไปตามเป้า เจ้าตัวบอกว่า “เปิดร้านใหม่ 2 อาทิตย์แรกไม่ต้องตามหาผมที่ไหนนะ ผมจะขลุกอยู่ในครัว ยืนคุมอาหาร”

กลั่นกรองทุกความคิด ก่อนเล่าบทเรียนธุรกิจ อะไรคือกุญแจความสำเร็จ ?.. “ขอคิดวรรคทองก่อน ?”  เขาขบคิดก่อนเงยหน้าตอบ “จำไมได้แล้ว” นิ่งเงียบสักพักพร้อมตบประโยค... “เจ็บแล้วจำ..!”

ทำเสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการ อย่างหลังเขาบอกว่า เป็นการขับเคลื่อนที่สนุกมาก “ผมชอบธุรกิจบริการ 1.เป็นธุรกิจที่ให้ความสุข 2.เป็นธุรกิจเงินสด ไม่ต้องจ้างมอเตอร์ไซต์ไปเก็บเช็ค (เหมือนทำธุรกิจเสื้อผ้าในอดีต)” แล้วสนใจกลับไปทำธุรกิจอสังหาฯไหม.. เพราะคุณสเถียรก็มีแนวคิดจะทำ 

สุพจน์ตอบทันควัน “ไม่ทำแล้วให้พี่เถียรทำไป”