'สมคิด'เเจ้งนายกฯขอไม่รับเป็นครม.

เเหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเเจ้งว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ มีข้อมูลว่าในช่วงเเรกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเสนอแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่  เพราะพลเอกประยุทธ์ได้มอบความไว้วางใจให้นายสมคิด เป็นคนตัดสินใจเลือกทีมครม.เศรษฐกิจใหม่หมด และไม่ขัดที่จะมีการปรับรัฐมนตรีในส่วนที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีดูแลอยู่ แม้ล่าสุดนายสมคิดแจ้งไปยังพลเอกประยุทธ์ว่าไม่ขอรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เพราะม.ร.ว.ปรีดิยาธร รับตำแหน่งมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาล  นายสมคิด จึงขออยู่เบื้องหลังและพร้อมส่งบุคลากร มาช่วยเพิ่มศักยภาพทีมเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้น

ฉะนั้นตอนนี้นายสมคิดจะไม่เข้าร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยนายสมคิด อ้างปัญหาด้านอายุและสุขภาพ แต่นายสมคิดพร้อมที่จะช่วยงานรัฐบาลและคสช. โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล บอกว่า เหตุผลที่นายกรัฐมนตรี ต้องการเปลี่ยนตัว หัวหน้าทีมเศรษฐกิจจากม.ร.ว.ปรีดิยาธร มาเป็น นายสมคิด เพราะรัฐบาลประสบปัญหาการทำงาน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ไม่มีความชัดเจน ขาดยุทธศาสตร์ แต่ละกระทรวงต่างคนต่างทำ และงานทุกอย่างก็ไปกระจุกอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะภารกิจด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำนั้น ฉุดรั้งจีดีพีของประเทศไว้ แม้ก่อนหน้านี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะบอกว่าปีนี้จีดีพีจะโตร้อยละ3 แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ตามสิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุ และเสียงเรียกร้องของสังคมจากโพลล์ต่างๆที่สะท้อนให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล บอกว่า ปัญหาเศรษฐกิจหลักๆ ที่พลเอกประยุทธ์ ต้องการให้นายสมคิดเข้ามาเร่งแก้ไข คือการลงทุนภาครัฐ เพื่อใช้เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบมีอุปสรรคอยู่มาก การเบิกจ่ายงบประมาณ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย การอนุมัติการลงทุนบางโครงการ มีผลต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศน้อยมาก

เช่น กรณีโครงการซื้อหัวรถจักรรถไฟจากประเทศจีน 4.6 พันล้านบาท เพราะเป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นหลัก รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 3.6 แสนล้านบาท การจ่ายเงินชดเชยให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท จนถึงขณะนี้ก็เพิ่งมีการจ่ายเงินชาวนาได้ราว 3,000 ล้านบาทเท่านั้นเอง หรือแม้แต่เม็ดเงินกว่า2,000ล้านบาทที่จะให้จัดซื้อปาล์มเพื่อพยุงราคาในตลาดก็ยังมีอาการติดขัดจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในปัจจุบัน 

เเหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า แม้ภาพเหตุการณ์เกาเหลา ระหว่างนายสมคิด กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะเป็นที่รับรู้ของสังคมมานาน โดยเฉพาะในยุครัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน แต่ในช่วงรัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้จัดระเบียบการทำงานให้ทั้งคู่ มีระยะห่างอยู่พอสมควร โดยจัดวางทีมเศรษฐกิจเอาไว้ถึง 3 ทีมหลัก  ทีมแรก จะเน้นการสร้างผลงานด้วยการวางแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงไอซีที ทีมที่สอง มีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นหัวหน้า พร้อมรัฐมนตรีในสังกัด คือกระทรวพลังงาน ,อุตสาหกรรม ,คลัง ,เกษตรและสหกรณ์ ทีมที่สาม มีนายสมคิด เป็นหัวหน้า ได้รับมอบหมายงานกึ่งความมั่นคง-การต่างประเทศ กึ่งเศรษฐกิจระดับรากหญ้า และการค้าระหว่างประเทศ ทำงานเชื่อมกับกระทรวงต่างประเทศ ,พาณิชย์,มหาดไทย,ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

และในประเด็นความขัดแย้งของทั้งคู่นี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล มองในเชิงวิเคราะห์ว่า การทำงานของนายสมคิด จะเป็นการขับเคลื่อนผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธรที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในรัฐบาลต่อไปเช่นเดิม แต่บทบาทจะถูกลดลง โดยมีพล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.กลาโหมเป็นกาวใจให้