ชำแหละ 'สหรัฐ-อียู' ปมไทยติด 'เทียร์3' สองปีซ้อน

ชำแหละ 'สหรัฐ-อียู' ปมไทยติด 'เทียร์3' สองปีซ้อน

"สุริยะใส" ชำแหละ "สหรัฐ-อียู" ปมไทยติด "เทียร์3" สองปีซ้อน ชี้เกมการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างประเทศ

เพจเฟซบุ๊คของนายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์แสดงความเห็นทางการเมือง ระบุว่า การเมืองเรื่อง Tier 3 กับฝุ่นรัฐประหารในไทย

ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ได้เปิดเผยรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยปีนี้ (พ.ศ.2558) ผลออกมาคือไทยคงอยูในระดับต่ำสุดหรือประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์รุนแรงที่สุด หรือ Tier 3 ติดต่อกันต่อกัน 2 ปีซ้อน

รายงานสถานการณดังกล่าวจะดูการดำเนินการของรัฐบาลไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 ถึง 31 มีนาคม 2558 หมายความว่าการดำเนินการใดๆ หลังวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การแก้ปัญหาโรฮิงญา ซึ่งดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ที่อัยการสั่งฟ้องรวม 104 คน และการเอาจริงเอาจังกับเรือประมงผิดกฎหมาย ไม่ได้ช่วยอะไรในผลการประเมินรอบนี้ ต้องรอลุ้นรอบหน้าหรือปีหน้า

ฟังแบบนี้พอเข้าใจ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดีที่กรณีของประเทศมาเลเซีย และคิวบารอบนี้หลุดจาก Tier 3 ขึ้นไปอยู่ Tier 2 แล้ว กล่าวคือ ความพยายามออกกฎหมายสอบสวนเอาผิดขบวนการค้ามนุษย์และการ Take Action หลักๆ ก็เกิดขึ้นหลังวันที่ 31 มีนาคมปีนี้พร้อมๆ กับไทย จนองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลก็รับไม่ได้ที่สหรัฐฯ ให้มาเลเซียหลุดไปอยู่ที่ Tier 3

หรือเป็นเพราะข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับมาเลเซีย ที่ได้บรรลุผลเจรจาข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนรวมชาติแปซิฟิก หรือทีพีพี (Trans-Pacific Partnership) กันแล้ว

แม้แต่กับกรณีประเทศคิวบาที่ติด Tier 3 มาตลอด 12 ปี ก็หลุดทันทีที่โอบามาประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นในรอบ 50 ปี

พิรุธและเงื่อนงำนี้จึงชวนสงสัยว่ารายงานของทางการสหรัฐครั้งนี้อยู่บนหลักสิทธิมนุษยชนจริงหรือไม่

หรือทั้งหมดคือเกมการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างประเทศ หรือแค่กระทรวงต่างประเทศไทยทำงานล็อบบี้ไม่เป็น ไทยเราจึงไปอยู่ใน Tier 3 ร่วมกับ รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ ลิเบีย ซีเรีย ซูดาน ฯล ย่ำแย่กว่าพม่า ลาวกัมพูชาเสียอีก

อ่านคำชี้แจงของทูตสหรัฐแล้วก็ไม่ได้ตอบขอสงสัยเหล่านี้แต่อย่างใด ชวนให้สงสัยว่ารายงานฉบับนี้แฝงไปด้วยอคติต่อรัฐประหารหรือไม่ เพียงเพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารก็เลยพาลเหมารวมว่าเลวไปเสียทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?

แม้สหรัฐจะมองไม่เห็นความคืบหน้า หรืออาจจะปิดตาข้างเดียวก็ไม่เป็นไร แต่คนไทยเริ่มมองเห็นว่ารัฐบาลได้จริงจังปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย มีผลงานเข้าตากว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ


แต่นั่นต้องไม่ทำไปแบบผักชีโรยหน้า หรือเพียงเพื่อเอาใจสหรัฐฯหรือ EU เพื่อให้ไทยพ้นบัญชีดำเท่านั้น แต่ต้องเดินหน้าปราบปรามปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังเพราะเป็นปัญหาที่สะสมหมักหมมมานาน

ถ้ารัฐบาลไทยจริงใจจริงจังแก้ปัญหาแล้ว แต่สหรัฐฯ และ EU ไม่เห็นไม่เป็นไร แต่คนไทยเห็นและจะปรบมือให้เมื่อรัฐบาลทำสำเร็จครับ...