Daily Market Outlook (28 ก.ค.58)

Daily Market Outlook (28 ก.ค.58)

กังวลส่งออกกดดันเพิ่ม

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ จากความกังวลเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยส่งผลลบต่อแนวโน้มการส่งออกและตลาดหุ้นไทย การที่สหรัฐยังคงจัดให้ไทยอยู่กลุ่ม 3 เรื่องการค้ามนุษย์กดดันภาคส่งออก การหั่นอัตราขยายตัวค้าปลีกส่งผลลบต่อมุมมองโดยรวม ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมจีนที่ตกต่ำส่งผลลบต่อทั้งภูมิภาค จับตามองการประชุม FOMC ซึ่งเริ่มวันนี้

หุ้นเด่นวันนี้: EGCO (ราคาปิด 153.50 บาท; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 175.25 บาท)

เราเลือก EGCO เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ในฐานะที่เป็นหุ้น Defensive ท่ามกลาง Sentiment เชิงลบในตลาดปัจจุบัน โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าของ EGCO ซึ่งทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวตลอดอายุโครงการกับรัฐบาลและลูกค้าเอกชนช่วยสร้างกระแสเงินสดรับและกำไรสุทธิอย่างสม่ำเสมอบนความเสี่ยงที่ต่ำ ประกอบกับค่า Historical adjusted beta ของ EGCO ที่ต่ำโดยเปรียบเทียบเพียง 0.47 และการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอมาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยสะท้อนถึงความเป็นหุ้น Defensive อย่างแท้จริง อ้างอิงจากประมาณการของ Bloomberg consensus ถึงแม้กำไรสุทธิในปีนี้จะถือว่าเพียงประคองตัวจากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักเนื่องมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ใช้เวลาในการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผน (Unplanned shutdown) นานกว่าคาดในช่วงครึ่งแรกของปี แต่กำไรสุทธิในปี 2559 จะกลับมาเติบโต 9.7% อีกครั้งเนื่องจากจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้าหลายแห่งเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้ ขณะที่ยังสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในปีนีและปีหน้าได้อีกราว 4.1%-4.2% สำหรับในส่วนของ Price Pattern ของ EGCO ยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal และน่าจะเป็นหุ้นอีกตัวที่ยังถือว่ามีความแข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับ SET Index ที่ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) ครั้งสำคัญ โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EGCO คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายเบื้องต้นในระยะสั้นอีกครั้งที่ 158 บาท ในเชิงกลยุทธ์ระยะสั้น แนะนำซื้อ EGCO โดยไปขายทำกำไรที่เป้าหมายเบื้องต้นที่ 158 บาท โดยยอม Stop Loss หาก EGCO ปรับตัวลงมาปิดตลาดต่ำกว่า 152 บาท

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สหรัฐยังจัดไทยอยู่กลุ่ม 3 เรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่แย่ที่สุดจาการรายงานเมื่อวานนี้ แล้วยังแสดงคำประเมินในเชิงลบว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำของการขจัดการค้ามนุษย์ และไม่ได้ดำเนินความพยายามว่าจะทำให้ดีขึ้นเลย การเจรจาการค้าครั้งสุดท้ายสำหรับสนธิสัญญาภูมิภาคที่ติดต่อมหาสมุทรแปซิฟิกที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้และอยู่ภายใต้กฎหมายสหรัฐนั้น ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 3 จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม (Bangkok Post)

• สมาคมผู้ค้าปลีกหั่นประมาณการการเติบโตลงครึ่งหนึ่ง สมาคมผู้ค้าปลีกไทยปรับลดประมาณการขยายตัวการค้าปลีกลงเป็น 3.2% ในปีนี้จากที่ใกล้เคียงกับของปีที่แล้วที่อยู่ที่ 6.3% จากปัญหาหนี้ครัวเรือน ภัยแล้ง และการลงทุนภาครัฐที่ไม่เพียงพอ (Bangkok Post)

• 5 ปี เชื่อมรถไฟไทย-ลาว-จีน เสร็จ ตามที่ได้หารือกับทางการลาวในวันจันทร์ รมว.คมนาคมกล่าวว่าไทยและลาวจะผลักดันโครงการให้เสร็จในปี 2563 และทั้งสามประเทศจะเริ่มก่อสร้างทุกส่วนของระบบรถไฟเริ่มตั้งแต่ปีนี้เลย (Bangkok Post)

• รัฐบาลอาจช่วย กสทช. ทวงคลื่นมาประมูล รัฐบาลได้สอบถามไปยัง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำหรับแผนว่าจะทวงคืนคลื่นความถี่จากรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่ถือครองคลื่นอยู่ได้อย่างไร โดยถ้ารัฐบาลอนุมัติแผนก็อาจจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการบังคับให้รัฐวิสาหกิจโทรคมที่ไม่เต็มใจให้คืนคลื่นแก่ กสทช. (The Nation)

• WICE (บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ราคา IPO อยู่ที่ 2.10 บาท บริษัทเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทางทะเลและทางอากาศครอบคลุมท่าเรือหลักในเขตการค้าสำคัญในประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก WICE ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้และปีหน้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% แม้ว่าภาพรวมการส่งออก-นำเข้าจะยังอยู่ในเชิงลบ แต่บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะได้ทำข้อตกลงกับลูกค้าไว้ตลอดทั้งปีแล้ว ประกอบกับผลบวกจากกลยุทธ์การกระจายลูกค้าไปในหลายธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปสร้างคลังสินค้า เพิ่มจำนวนรถบรรทุกหัวลาก-หางพ่วง ขยายพื้นที่ลานจอดรถบรรทุก พัฒนาระบบสารสนเทศ และใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ (SET/InfoQuest)

• JAS ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 ที่ 1.007 พัน ลบ. ลดลง 92% QoQแต่เพิ่มขึ้น 14% YoY เพราะกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่กอง JASIF กำไรสุทธินี้มากกว่าคาดการณ์เฉลี่ยของบลูมเบิร์กซึ่งเท่ากับ 838 ลบ. อยู่ 20%(SET)

• DELTA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 ที่ 1.7 พัน ลบ. เพิ่มขึ้น 9% QoQและ 15% YoY เพราะการเติบโตของยอดขายโดยเฉพาะจาก mobile power supplies และการควบคุมต้นทุนให้ต่ำลงได้ โดยกำไรสุทธินี้สอดคล้องกับคาดการณ์เฉลี่ยของบลูมเบิร์กที่ 1.6 พัน ลบ. (SET)

ต่างประเทศ:

• การประชุมเฟดระยะเวลา 2 วัน จะเริ่มขึ้นในวันนี้ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนการประชุมในเดือนกันยายนซึ่งเป็นไปได้น้อยมากว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเมื่อวันจันทร์ ดัชนีแนสแดคลดลงเกือบ 1% หลังจากการดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 8 ปีของตลาดหุ้นจีนได้เพิ่มความกังวลว่าความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนที่เป็นอันดับ 2 ของโลกอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าของจีนได้ (Reuters)

• แผนการลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ลดลงสองเดือนติดต่อกัน รายจ่ายเพื่อการลงทุนในภาคการผลิตที่เคยชะลอตัวเริ่มกลับมา ตัวเลขการลงทุนในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหาร (Non-Defense Capital Goods) เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนพ.ค. นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้าว่าการลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน มิ.ย. (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปร่วงลงทำจุดต่ำสุดใน 2 สัปดาห์ และปิดลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันในวันจันทร์ จากความวิตกกังวลถึงเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ซึ่งไปกลบข่าวผลประกอบการที่ดีในยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมันจัดทำโดย IFO ที่ออกมาดีเกินคาด ช่วยชะลอการร่วงลงของตลาดได้บางส่วน (Reuters)

• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมันจัดทำโดย IFO ดีกว่าคาด และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกำลังขยายตัวดีขึ้น ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 108.0 ในเดือน ก.ค. จาก 107.5 ในเดือน มิ.ย. เทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงไปอยู่ที่ 107.2 (Reuters)


เอเชีย:

• หุ้นจีนร่วงมากกว่า 8% ในวันจันทร์ จากตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ประกาศในวันศุกร์หดตัวมากที่สุดในรอบ 15 ปี ในเดือน ก.ค. ดัชนี CSI300 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 300 ตัว ในเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นร่วง 8.6% ในขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 8.5%(Reuters)

• ทางการจีนแถลงพร้อมเข้าซื้อหุ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาด และขจัดความเสี่ยงในระบบโดยรวม กลต.ของจีนกล่าวด้วยว่า ทางการจะจัดการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมชอตเซลที่มีเจตนาต้องการถล่มให้ตลาดได้รับความเสียหายอย่างเต็มที่(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันล่วงหน้าร่วงแตะจุดต่ำสุดรอบ 4 เดือนในวันจันทร์ หลังตลาดหุ้นจีนร่วงหนักเพิ่มความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันสูงสุดในโลกท่ามกลางกระแสการเติบโตของอุปทานน้ำมันดิบ น้ำมันดิบเบรนท์เดือน ก.ย. ร่วงลง 95 เซนต์ (-1.7%) มาอยู่ที่ 53.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับแต่ 19 มี.ค. ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐร่วง 55 เซนต์ (-1.2%) สู่ระดับ 47.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำยืนไม่อยู่ในวันจันทร์ เปลี่ยนแปลงเข้าใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งต่ำกว่าระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในเวลาอันใกล้ทำให้ยังมีแรงส่งขาลงต่อ ทองคำตลาดจรปรับลง 0.6% สู่ 1,092.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดกันในสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการร่วงลงที่ยาวที่สุดนับแต่ปลายปี 2556 (Reuters)