JAS - ซื้อ

JAS - ซื้อ

มาร์จิ้นลด แต่ยังดีที่มีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงหนุนกำไร 2Q58

กำไรสุทธิ2Q58โต 14% YoY แต่ลด 92% จาก 1Q58 ที่มีรายการพิเศษ 1.2 หมื่นลบ.

JAS ประกาศกำไรสุทธิงวด2Q58ที่1พันล้านบาท (รวมรายการพิเศษ 253 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้ JASIF สุทธิ 297 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 44 ล้านบาท)ลดลง 92% จาก 1Q58 ที่มีกำไรพิเศษราว 1.2 หมื่นล้านบาท จากการขายสินทรัพย์ให้ JASIF แต่เพิ่มขึ้น 14% YoY

หากไม่รวมรายการพิเศษ จะพบว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติจะอยู่ที่ 754 ล้านบาท (+10% QoQ, -15% YoY) โดยประเด็นสำคัญในงวด 2Q58 คือ 1) รายได้เพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น3.4พันล้านบาท จากการเติบโตของฐานลูกค้าบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้นถึง 9.8 หมื่นรายดีกว่าไตรมาสก่อนที่เพิ่ม 8 หมื่นราย 2) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงแรงจาก 51.4% ในไตรมาสก่อนเหลือเพียง 40.4% เพราะ JAS มีภาระต้องเช่าสินทรัพย์จาก JASIFกลับเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจและ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น 6%

ภาระค่าเช่าโครงข่ายที่ต้องจ่ายให้ JASIFจะยังกดดันกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 58-59

เนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานปกติในงวด 1H58 มีสัดส่วนราว 47% ของประมาณการกำไรทั้งปี 58 ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานในปี 58-59ไว้ตามเดิมที่2.8 พันล้านบาท ในปี 58 (-22% YoY) และ 2.7พันล้านบาทในปี 59(-3% YoY)เพราะคาดว่าแม้รายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ตามแผนขยายบริการบรอดแบนด์ให้ครอบคลุม 7.5 พันตำบล ภายในปี 58 จากเมื่อสิ้นปี 57 ที่มีอยู่เพียง 3.4 พันตำบล แต่ผลประกอบการของบริษัทจะถูกกดดันมาร์จิ้นที่มีแนวโน้มลดลง หลัง JAS ได้ขายสินทรัพย์ให้แก่ JASIF ไปแล้วใน 1Q58 ทำให้ต้องเช่าโครงข่าย และจ่ายค่าประกันรายได้ ให้แก่ JASIFตามที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งคาดค่าเสื่อมราคาจะเพิ่มสูงขึ้นตามการขยายการลงทุนในโครงขายเพิ่มเติม

ปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” หลังราคาหุ้นปรับลดลงมามากแล้ว

ราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลดลงมาจนมี upside ถึง 22% จากราคาเหมาะสมของเราที่ 6.00 บาท ทำให้เราต้องปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” ส่วนระยะสั้นยังมีปัจจัยหนุนจากประเด็นที่บริษัทเตรียมจะเข้าประมูล 4จี แต่เรายังคงมุมมองว่าเป็นเรื่องท้าทายของ JASมาก เพราะผู้ประกอบการมือถือต่างก็ต้องการจะได้ใบอนุญาตและคลื่นมาไว้ในมือเพิ่ม และในกรณีที่JAS สามารถชนะประมูลได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะช่วงชิงลูกค้าเป้าหมายมาจากผู้ประกอบการมือถือทั้ง 3 ราย ที่เป็นผู้ครองตลาดอยู่แล้ว อีกทั้งคาดจะต้องใช้เงินลงทุนใน 4จี สูง ซึ่งจะยังกดดันผลการดำเนินงานของบริษัทต่อไปอีกอย่าง 2-3 ปี