แสนสิริชี้คอนโดครึ่งปีหลังทรงตัว

แสนสิริชี้คอนโดครึ่งปีหลังทรงตัว

"แสนสิริ" ชี้หนี้ครัวเรือน-ภัยแล้ง ฉุดตลาดคอนโดครึ่งปีหลังทรงตัว ชี้กลุ่มราคา 2 ล้านบาทชะลอมากสุด ปรับเพิ่มเงินดาวน์ 15-20% ลดเสี่ยง

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลัง คาดทรงตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ที่ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ส่งผลต่อรายได้ผู้บริโภค
โดยตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มกลาง-บน ระดับราคาประมาณ 4 ล้านบาทขึ้นไป หรือราคาตั้งแต่ 1 แสนบาทต่อตร.ม.

อย่างไรก็ตามพบว่า ตลาดนี้มีกลุ่มเก็งกำไรและกลุ่มนักลงทุนบ้าง แต่ไม่กังวลเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง น่าจะไม่มีการทิ้งโอน ส่วนกลุ่มตลาดล่างราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ดีมานด์ชะลอตัวมากสุด เพราะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ด้านต่างจังหวัดยังชะลอตัว เนื่องจากมีซัพพลายคอนโดมิเนียมสะสมมาก

“ในภาพรวมตลาดต่างจังหวัดชะลอตัว แต่พบว่า บางจังหวัดเริ่มมีสัญญาที่ดีขึ้นเช่น ภูเก็ต และหัวหิน ปัจจุบันบริษัทมีสต็อกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในต่างจังหวัด 8 โครงการ และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ จะแล้วเสร็จในปีนี้และปีหน้า คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นระดับราคา 2 ล้านบาท ซึ่งสต็อกดังกล่าวถือว่าไม่มากนัก และมีสต็อกที่อยู่ในกรุงเทพฯอีกว่า 1,000 ล้านบาท"

นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทได้ปรับตัวตั้งแต่เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจไม่ดี โดยตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับอัตราการเก็บเงินดาวน์เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 10% เป็น 15-20%พร้อมทั้งได้ขยายฐานลูกค้า ไปจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 20-25% อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง ในภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว

พร้อมกันนี้ บริษัทเดินหน้าเปิดโครงการตามเป้าหมาย ล่าสุดได้นำที่ดินของบริษัทซึ่งเดิมจะสร้างคอนโดมิเนียมก่อนขาย มาเปิดโครงการ เดอะไลน์ สุขุมวิท 71 พัฒนาภายใต้บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง ทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กับแสนสิริ มูลค่า 2,000 ล้านบาท พื้นที่ 1.3 ไร่ สูง 28 ชั้น จำนวน 291 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 29-62 ตรม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 4-10 ล้านบาท หรือ 1.5 แสนบาทต่อตรม. โดยจะเปิดขายลูกค้าต่างประเทศก่อน ในวันที่ 1-2 ส.ค.นี้ พร้อมกันใน ฮ่องกง สิงคโปร์ และขยายตลาดใหม่ คือ ไต้หวัน ตั้งเป้าหมายลูกค้าต่างชาติ 40% ส่วนในไทยจะเปิดขายวันที่ 8-9 ส.ค.นี้

สำหรับยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรก ทำแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมาย 2 .2 หมื่นล้านบาท และปัจจุบันมีสินค้ารอรับรู้(แบ็กล็อค) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท รับรู้ในปีนี้ 1.5 หมื่นล้าน ที่เหลือทะยอยรับรู้ในอีก 1-2 ปี