สนช.รับหลักการร่างพรบ.กำลังพลสำรอง

สนช.รับหลักการร่างพรบ.กำลังพลสำรอง

ประชุมสนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.กำลังพลสำรองหรือ คกส. มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมาย เป็นประธาน

มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรองพ.ศ. ... ที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งพล.อ อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงหลักการและเหตุผล ว่า ภารกิจด้านการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคง การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ และการพัฒนาประเทศ ถือเป็นภารกิจหลักของกระทรวงกลาโหม การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวจำเป็นต้องกำลังพลที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณ จึงไม่สามารถดำรงสถานภาพกำลังรบไว้ในคราวเดียวกันเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้การหมุนเวียนกำลัง ซึ่งการจัดระบบให้กำลังสำรองที่เข้มแข็งจะเป็นส่วนเสริมให้การปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมมีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงสมควรให้มีระบบกำลังพลสำรอง จึงได้เสนอกฎหมายเพื่อกำหนดประเภทบุคคลที่จะเป็นกำลังพลสำรอง รวมถึงกำหนดหน้าที่สิทธิในการเข้ารับราชการทหารให้เกิดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกำลังพลสำรอง หรือ คกส. มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมาย เป็นประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และมีกรรมการ 20 คน พร้อมกำหนดวิธีรับบุคคลเข้าเป็นกำลังพลสำรองโดยวิธีรับสมัคร หรือคัดเลือกจากนายทหารสัญญาบัตรกองหนุน นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ นายทหารสัญญาบัตรนอกกอง ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 หรือที่ประเภท 2

ทั้งนี้ การเรียกกำลังพลสำรองและการระดมพล สามารถเรียกได้เฉพาะกรณีจำเป็นที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญหรือการแก้ไข ปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อมิให้สร้างภาระแก่บุคคลเพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะยกระดับกิจการพลสำรองเป็นงานระดับชาติที่ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และทำให้กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมด้านบุคลากรมากยิ่งขึ้นต่อการสนับสนุนป้องกันเพื่อประโยชน์ประชาชน โดยมีกฎหมายใช้กับกำลังพลสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนให้มีการผลักดันกำลังพลสำรองชายและหญิงเข้ามารับใช้ประเทศ อาทิ พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร สนช. ระบุว่า ปัจจุบันมีบัญชีกำลังพลสำรองจำนวนกว่า 10 ล้านคนที่ต้องการทำหน้าที่เพื่อประเทศ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะทำให้กำลังพลสำรองจะได้ทราบแนวทางปฏิบัติต่อไป อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตถึงการรับบุคคลจากจะมีวิธีการคัด เลือกอย่างไรซึ่งจะขัดแย้งกับนิยามกำลังพลสำรองหรือไม่ และเมื่อเป็นกำลังพลสำรองจะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารหรือไม่

ขณะที่ พล.ร.อ. วัลลภ เกิดผล สนช. ระบุ ปกติแล้วระยะเวลาการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามกฏหมายต่างๆจะมีระยะเวลามากกว่า 2 ปี แต่ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ กลับกำหนดเพียง 2 ปี นอกจากนี้ได้มีการกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเดือนให้กับลูกจ้างที่ถูกเรียกไปเป็นกำลังพลสำรอง แต่ก็ควรให้สิทธิประโยชน์นายจ้างด้วย เพราะหากมีการเรียกกำลังพลสำรองเป็นเวลานาน จะมีการดูแลสิทธิประโยชน์นายจ้างที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างที่เป็น กำลังพลสำรองอย่างไร รวมถึงนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า การคัดเลือกจากทหารกองหนุน หรือทหารกองเกิน ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นนักศึกษาวิชาการทหาร หรือรักษาดินแดน( รด.) ที่มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย บุคคลเพศที่สาม จะได้รับการยกเว้นจากการเป็นกำลังพลสำรองหรือไม่ และคนที่เป็นกำลังพลสำรองตามร่างพ.ร.บ.นี้ ไม่ต้องเกณฑ์ทหารหรือไม่ 

ด้าน พล.อ.อุดมเดช ชี้ แจงว่า ตามบทบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร ไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นบุคคลเพศที่สาม ไม่ต้องถูกเรียกเป็นกำลังพลสำรอง รวมทั้งก็ไม่มีการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร แต่หากอยู่ในความเหมาะสมและสถานการณ์ความจำเป็นก็สามารถถูกเรียกเป็นกำลังพล สำรองได้เช่นกัน ส่วนกรณีกำหนดสิทธิประโยชน์แก่นายจ้างนั้น ยืนยันว่าได้วางมาตรการทุกอย่างเพื่อไม่ให้นายจ้างและกำลังพลสำรองเสียสิทธิ ประโยชน์ จึงไม่น่าจะเป็นปัญหา ขณะที่การเรียกกำลังพลไม่ได้ใช้ระยะเวลานาน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทั้งนี้จะมีโอกาสถูกเรียกเพียง 2.5 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนกำลังพลสำรองทั้งหมดโดยจะไปประจำตามกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ส่วนการฝึกกำลังพลก็จะใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้นเพื่อให้ครอบคลุมการฝึก 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเห็นควรรับหลักการร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรองพ.ศ. ... ด้วยคะแนน 189 งดออกเสียง 4 พร้อมกับให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 19 คน