ต่างชาติเทขายหุ้นไทยแล้วกว่า 2.2 หมื่นลบ.

ต่างชาติเทขายหุ้นไทยแล้วกว่า 2.2 หมื่นลบ.

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีรวมกว่า 22,000 ล้านบาท ด้านโบรกฯ เดินสายโรดโชว์ ดึงความเชื่อมั่น

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 22,373.14 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขายสุทธิทั้งปี 36,584 ล้านบาทโดยหากเทียบกับตลาดภูมิภาคเดียวกันแล้ว ไทยยังมีสถานะถูกเทขายสุทธิเพียงตลาดเดียว จากปัจจุบันอินโดนีเซียมียอดซื้อสุทธิในปีนี้คิดเป็น13%ของปีที่แล้วที่มียอดซื้อสุทธิ3,770ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนฟิลิปปินส์มียอดซื้อสุทธิคิดเป็น43%ของยอดซื้อสุทธิรวมปีก่อน1,260ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรคผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติได้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่มานานพอสมควร โดยข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีมีสถานะเทขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเกือบ 80,000 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนต่างชาติ มีจุดยืนในตลาดหุ้นไทยน้อยมาก เนื่องจากปัจจัยกดดันสำคัญคือเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะซบเซา และไม่เติบโต อีกทั้งอัตราราคาปิดกำไรต่อหุ้น( พีอี) ที่อยู่ในระดับหุ้นราคาแพงกว่าค่า เฉลี่ยทำให้ไม่น่าสนใจในการลงทุน

“นักลงทุนต่างชาติ ยังรอลุ้นภาพรวมเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเป็นบวก และแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนให้ดีขึ้นอย่างเด่นชัด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความเสี่ยงที่จะถูกเทขายทำกำไรอย่างหนัก น่าจะลดน้อยลง เพราะสัดส่วนการถือครองเริ่มอยู่ในระดับต่ำแล้ว”

ขณะเดียวกันนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคลบริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทยจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการถือครองในตลาดหุ้นไทย 30%โดย ถือว่าเป็นสัดส่วนใกล้เคียงการถือหุ้นเพื่อลงทุนทำธุรกิจในไทย แต่การลงทุนเพื่อแสวงหาผลกำไรเริ่มลดน้อยลงมาก ดังนั้นในระยะต่อไปอาจไม่เห็นแรงเทขายทำกำไรออกมามากแล้ว

ทั้งนี้ หากกรณีปัญหาหนี้กรีซยุติลง เชื่อว่าจะช่วยผลักดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้น ทั่วโลกได้ แต่อาจไม่เห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะนักลงทุนจะเลือกลงทุนรอรับการฟื้นตัวที่เด่นชัดในตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งมากกว่า