วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 7 กรกฎาคม 2558

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 7 กรกฎาคม 2558

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากกรีซลงประชามติปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของสหภาพยุโรปและ IMF

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสได้ปรับลดลงมากที่สุดตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็ปรับลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. 58 ที่ผ่านมาเช่นกัน หลังจากเสร็จสิ้นการลงประชามติของกรีซและผลการลงประชามติที่ปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำให้ IMF ระงับการช่วยเหลือทางการเงินทั้งหมดแก่กรีซจนกว่ากรีซจะชำระหนี้ทั้งหมด ขณะที่ธนาคารกลางแห่งยุโรปก็ชะลอการพิจารณาคำร้องขอเงินช่วยเหลือสภาพคล่องฉุกเฉิน (ELA) ที่ให้แก่ธนาคารกรีซ โดยจะมีการประชุมและตัดสินใจอีกครั้งในวันนี้ (7 ก.ค. 58) และตลาดยังคงจับตามองต่อสถานการณ์ของกรีซที่จะถูกปลดออกจากประเทศยูโรโซน และไม่สามารถใช้สกุลเงินยูโรได้อีกต่อไป

- จากผลการลงประชามติที่ปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดนั้น ทำให้ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นปรับตัวลดลง จึงส่งผลให้ราคาของสินค้าอุปโภคและบริโภคมีราคาลดลง ซึ่งรวมถึงราคาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน

- อีกหนึ่งสาเหตุที่กดดันราคาน้ำมันดิบลง ได้แก่ ความกังวลต่อวิกฤติตลาดหุ้นของจีนที่ร่วงลงไปเกือบ 30% นับตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการช่วยสกัดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เช่น มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการผ่อนปรนการกู้ยืมเพื่อหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งกระแสเทขายหุ้นลงไปได้ ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้ทุ่มเงินกว่า 250,000 ล้านหยวน เพื่ออัดฉีดเงินกู้ระยะกลางให้แก่กลุ่มธนาคารเพื่อประกันสภาพคล่องในระบบ

- ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ (Markit PMI) เดือน มิ.ย. ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.8 ซึ่งลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 56.8 และปรับลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 55.1 ซึ่งการลดลงของดัชนีภาคการผลิตนั้น เป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังคงมากกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัว

+ ดัชนีภาคการบริการของสหรัฐ (ISM non-PMI) เดือน มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 55.7 มาสู่ระดับ 56.0 และตรงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 56.0 เช่นกัน โดยปรับขึ้นจากตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เป็นสาเหตุหลัก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณอุปทานที่ลดลงจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในไต้หวันปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันเบนซินเริ่มที่จะปรับตัวลดลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีปริมาณอุปทานที่ล้นตลาดโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่ส่งออกน้ำมันดีเซลออกมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงอุปสงค์ที่ลดลงจากการห้ามทำการประมงในแถบทะเลจีนใต้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีอุปสงค์จากทางด้านยุโรปและอิรักอยู่บางส่วน

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 51-56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- จับตาการแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้กรีซ หลังจากรัฐบาลกรีซผิดนัดชำระหนี้งวดล่าสุดให้แก่ IMF ราว 1.6 พันล้านยูโร ในวันที่ 30 มิ.ย. ส่งผลให้กรีซกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศแรกที่ผิดนัดการชำระหนี้ โดยล่าสุด กลุ่มเจ้าหนี้ประกาศไม่ต่ออายุข้อตกลงช่วยเหลือกรีซออกไปจากวันที่ 30 มิ.ย. เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงกันเรื่องแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซได้ ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซประกาศให้มีการลงประชามติในวันที่ 5 ก.ค. เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะยอมรับมาตรการปฏิรูปของกลุ่มเจ้าหนี้หรือไม่ ซึ่งการปฏิเสธความช่วยเหลือครั้งนี้อาจส่งผลให้กรีซต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน

- ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อาจเพิ่มความจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ กลับมาเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบหลายแห่งได้ชะลอการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบลงจากภาวะราคาน้ำมันดิบตกต่ำ

- ติดตามการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ (P5+1) โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรของอิหร่าน ภายในเส้นตายวันที่ 30 มิ.ย. ตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ได้ ทั้งนี้ อิหร่านและชาติมหาอำนาจตกลงที่จะยืดเวลาการเจรจาเพื่อหาข้อยุติให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 7 ก.ค. ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าหากชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน จะส่งผลให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้มากขึ้นอีกราว 2- 5 แสนบาร์เรล ต่อวัน ภายใน 6-12 เดือน หลังจากการยกเลิกมาตรการคว่ำมาตร

- ติดตามทิศทางเศรษฐกิจจีนที่กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) จะมีการประกาศใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ โดยล่าสุด PBOC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี และประกาศลดสัดส่วนเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม

                                                                  -----------------------------------------------------
ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999