Market Focus

Market Focus

ข่าวกรีซ เป็นโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นระหว่างวัน

SET View

- แนวโน้ม เรื่องกรีซกลับมาเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้ง หลังทราบผลการทำประชามติ (ดูหัวข้อ Strategy Talk) เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดหุ้นโลกตอบสนองในเชิงลบเช้านี้ แต่ไม่ได้รุนแรงเท่ากับเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ซึ่งทราบผลการตัดสินใจว่า กรีซจะทำประชามติ สะท้อนจากการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ รวมถึง ดาว โจนส์ ฟิวเจอร์ส ซึ่งเปิดลดลง 1.5% แต่เริ่มฟื้นตัวกลับมาติดลบ 1.2%

คาด SET อาจได้รับผลกระทบแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นในระยะสั้น เพราะราคาน้ำมันตอบสนองเชิงลบค่อนข้างแรง (Nymex และ Brent ลดลง 3%) ทำให้ sentiment ต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ดูเป็นลบ วันนี้ SET มีโอกาสลงมาซื้อขายใกล้จุดต่ำสุดเดิม บริเวณ 1475 จุด เรามองเป็นโอกาสสำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้นระหว่างวันหาก SET เปิด gap แรงลงมา ซื้อตอนเปิดและไปขาย ณ สิ้นวัน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นโลกในช่วง 2 สัปดาห์นี้ (จนกว่าจะถึงเส้นตายชำระหนี้แก่ ECB) จะเหวี่ยงด้วยความผันผวนสูง นักลงทุนระยะกลาง เน้นซื้อหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว และสะสมหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน แนวโน้มกำไรโตเด่น ราคาไม่แพงมาก

- กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไรระยะสั้นระหว่างวัน สวนทางตลาดที่เปิดลบแรง

  Top Daily Pick : ADVANC (มูลค่าเหมาะสม 288 บาท) ปันผลสูง 5.7%, ความคืบหน้าการประมูล 4G ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่กลาง ก.ค. และ KCE (มูลค่าเหมาะสม 53.50 บาท) ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า โดยทุกๆ 1 บาทที่เงินบาทอ่อนค่า ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นราว 3%

  Technical Pick : AKR VGI TPCH CHO QH (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)

  Theme Plays : การประมูล 4G เริ่มนับหนึ่งในเดือนนี้ (ADVANC, INTUCH)/ หุ้นอสังหาฯที่ซื้อขายด้วย P/E ratio ค่อนข้างต่ำ (SPALI, QH) / หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE, SVI, SAPPE)

Strategy Talk

- ประชาชนกรีซโหวต No แต่ไม่ได้เหนือความคาดหมายของตลาด

ผลการทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการของกรีซ เป็นไปตามที่ตลาดคาด กล่าวคือ “โหวต No” หรือไม่ยอมรับแผนปฏิรูปจากเจ้าหนี้ มีคะแนน 61.3% โดยรัฐบาลกรีซ คาดหวังว่า ผลโหวตไม่ยอมรับ จะทำให้น้ำหนักในการเจรจากับเจ้าหนี้ยูโรโซน มีมากขึ้น และเจ้าหนี้จะยอมผ่อนปรนเงื่อนไขให้กับกรีซ
การออกจากยูโรโซน มีความเป็นไปได้

กระแสข่าวส่วนใหญ่ มองว่า วันที่ 20 ก.ค.นี้คือ เส้นตายที่แท้จริงของกรีซ เพราะมีกำหนดชำระหนี้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มูลค่า 3.5 พันล้านยูโร ขณะที่กรีซเหลือสภาพคล่องเพียง 500 ล้านยูโร หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ จะต้องผิดนัดชำระหนี้

หากกรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ นอกจากจะผิดนัดชำระหนี้ต่อ ECB แล้วมีโอกาสสูงที่ ECB จะตัดเงินสภาพคล่องฉุกเฉิน (ELA) ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในกรีซ ยังขาดสภาพคล่องที่จะดำเนินธุรกิจ บีบให้กรีซต้องเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินใหม่และพิมพ์เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในประเทศ ซึ่งขัดกับหลักการของยูโรโซน นั่นทำให้กรีซต้องออกจากยูโรโซนในที่สุด (Grexit)
จบแบบเจ็บๆในระยะสั้น แต่อาจกลับมาดีในระยะยาว

แต่เรากลับมองว่า ตลาดรับรู้ต่อความเป็นไปได้ของการที่กรีซจะออกจากยูโรโซน (Grexit) ไประดับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่กรีซ ตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าจะทำประชามติ และเรายังเชื่อว่า ตลาดชอบ “ความชัดเจน” มากกว่า “ความคลุมเครือ” แม้ปัญหากรีซ มีโอกาสจบแบบไม่สวยงามเท่าใดนัก แต่ในระยะยาว Grexit อาจเป็นผลดีต่อทั้งยูโรโซน (ขจัดประเทศที่มีสถานะการเงินอ่อนแอออกจากกลุ่ม, ประหยัดเงินช่วยเหลือ) และกรีซ (มีอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของตนเอง) สำหรับระยะสั้น ความกังวลมีน้ำหนักมากกว่า ทำให้ตลาดหุ้นโลกตอบสนองในเชิงลบอีกสักระยะ

เชื่อผลกระทบไม่รุนแรงเท่าตอนรัสเซีย Default

รัสเซียผิดนัดชำระหนี้ ช่วง ส.ค.2541 หรือปี 1998 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับฐานแรงถึง 21% เช่นเดียวกับ SET ลงไป 31% แต่เราเชื่อว่า เหตุการณ์ของกรีซ จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นโลก มากขนาดนั้นเพราะ

1. ขนาดเศรษฐกิจรัสเซียใหญ่กว่ากรีซมาก

2. เมื่อปี 1998 มีปัจจัยเร่งคือ การล้มของกองทุน LTCM ซึ่งเป็น หนึ่งใน Hedge fund ใหญ่สุดของโลกในเวลานั้น

3. ปัจจุบัน ยูโรโซน มีเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องและความเชื่อมั่น ทั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพ (ESM), นโยบายรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรอง (OMT) และ QE ทำให้การกระจายตัวของวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่รุนแรงมาก