จ่อยกระดับปราบทุจริต เสนอ 'มท.1'สั่งจว.ปูพรมสอบใช้จ่ายงบ

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการระบบไฟฟ้าส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าร์เซลล์) ในจังหวัดสมุทรปราการ ว่า เบื้องต้นพบว่าสมุทรปราการมีการจัดซื้อในนราคาแพงสุดเมื่อเทียบกับราคาจัดซื้อเสาไฟในลักษณะใกล้เคียงกันกับอีก 12 จังหวัด โดยมีราคาแพงกว่าราคากลางจากการสำรวจของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประมาณ 3 เท่า ดังนั้นป.ป.ท.จะเร่งตรวจสอบโครงการโซล่าร์เซลล์รวม 9 โครงการในพื้นที่สมุทรปราการให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีการจัดซื้อในราคาสูงที่สุด ต้นละ 175,000 บาทขณะที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน จัดซื้อเพียงต้นละ 71,000 บาท จากนั้นจะทำรายงานเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายในเดือนก.ค.นี้

 

เลขาธิการป.ป.ท. กล่าวอีกว่า เพื่อยกระดับการตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการเร่งด่วนต่างๆที่อนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตนจะเสนอให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หารือกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบการจัดซื้อเสาโซลาร์เซลล์อีก 12 จังหวัด. รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณ. 18,000 ล้านบาทในโครงการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีเร่งด่วนให้แก่ อปท. ทั้ง 12 ประเภทโครงการ อาทิ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการสนับสนุนโครงการตามนโยบายรัฐบาล โครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคม โครงการพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น ฯลฯ. ว่ามีการกำหนดโครงการอย่างไร. กระบวนการจัดซื้อถูกต้องหรือไม่ และซื้อในราคาแพงเกินจริงหรือไม่. ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรการตรวจสอบความผิดทางวินัย กระตุ้นให้ต้นสังกัดทำหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ต้องรอให้หน่วยงานกลางเข้าไปตรวจสอบ เว้นแต่กรณีที่จังหวัดไม่ดำเนินการ หรือผลการตรวจสอบของต้นสังกัดได้ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่มีการสุ่มตรวจสอบ ป.ป.ท.จะเข้าไปตรวจสอบซ้ำแล้วดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาที่ละเลยหน้าที่

 

“โครงการโซล่าเซลล์ใน 13 จังหวัด วงเงินกว่า 548 ล้านบาท จัดยู่ในหมวดโครงการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จัดซื้อกันทั้งสิ้น. 173 อบต. หากรอให้ป.ป.ท.หรือศอตช.เข้าไปตรวจสอบคงใช้เวลามากกว่า 1 ปี.ซึ่งไม่รวมกับอีก 11 ประเภทโครงการที่อนุมัติเงินอุดหนุนเร่งด่วน 18,000 ล้านบาทให้อปท.ทั่วประเทศนำไปดำเนินการในปี. 2556 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้ต้นสังกัดตรวจสอบภายในหน่วยงานของตัวเอง โดยไม่ต้องเกรงใจอปท. เพราะจังหวัดและอำเภอได้รับคำสั่งโดยตรงจากคสช. หากไม่ตรวจสอบผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยเสียเอง”นายประยงค์กล่าว