ปล่อยตัวปั่นจักรยานรอบโลก 'หนุ่มสเปน-สาวไทย' คาดใช้เวลา7ปี

ปล่อยตัวปั่นจักรยานรอบโลก 'หนุ่มสเปน-สาวไทย' คาดใช้เวลา7ปี

ททท.ภูเก็ต ปล่อยตัวคู่รักนักปั่นจักรยานรอบโลก สาวไทยกับหนุ่มสเปน คาดใช้เวลา 7 ปี เดินทางกลับถึงไทย

เช้าวันนี้บริเวณหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ถ.ถลาง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้จัดให้มีพิธีปล่อยตัวคู่รักนักปั่นจักรยาน น.ส.ภารดี โฮมวงศ์ อายุ 20 ปี ชาวไทย กับMr. Aleu Ayxandri Torreชาวสเปน อายุ 25 ปี สู่เส้นทางปั่นจักรยานรอบโลก

โดยมีนายวิรัช พาที ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งปีเทศไทย สำนักงานภูเก็ต นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และมีนักปั่นจักรยานชาวภูเก็ต ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ร่วมเป็นกำลังใจ

สำหรับการปั่นจักรยานรอบโลกของทั้งคู่นั้น เนื่องจากชื่นชอบการเดินทางผจญภัย เรียนรู้และศึกษาสิ่งใหม่ๆ และต้องการเปิดโอกาสให้กับตัวเอง โดยการเดินทางรอบโลกด้วยจักรยานคู่ใจ จึงวางแผนการเดินทางเริ่มต้นจากจังหวัดภูเก็ต ไปยังประเทศเมียนมาร์เป็นประเทศแรก

และจะกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้งโดยผ่านทางจังหวัดตาก เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศกัมพูชาผ่านด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ คาดใช้เวลาประมาณ 7 ปี ก่อนกลับเข้าสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ

ทางด้านนายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า มั่นใจว่ากิจกรรมการปั่นจักรยานรอบโลกของทั้งคู่ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานมากขึ้น อีกทั้งเป็นการสร้างการรับรู้ถึงเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยงามของจังหวัดภูเก็ต

พร้อมทั้งพัฒนาเป็นเส้นทางปั่นจักรยานที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ตลอดจนประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้อีกด้วย รวมทั้งคาดว่าจะสามารถนำเส้นทางดังกล่าวไปพัฒนาต่อยอดเป็นเส้นทางปั่นจักรยานต้นแบบได้อีกหลายเส้นทาง

ทั้งนี้ททท.สำนักงานภูเก็ต มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม( Green Tourism) ในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน ซึ่งในปัจจุบันกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจะสัมผัสกับความงดงามของวิวทิวทัศน์ระหว่างการปั่นจักรยานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว ยังสามารถเชื่อมโยงเส้นทางไปสัมผัสความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ผู้สนในสามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางและร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักปั่นจักรยานทั้งคู่ได้ผ่านทางFacebook Fan Page: Diary of a world Trip