ห่วงสภาพอากาศยังไม่เอื้อทำฝนหลวง

ห่วงสภาพอากาศยังไม่เอื้อทำฝนหลวง

ศูนย์ฝนหลวงเร่งปรับหน่วยบินปฏิบัติการ ห่วงสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หลัง "เอลนิโญ"ทำฝนธรรมชาติไม่ตกตามฤดูกาล

นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้ง ว่า ล่าสุดได้มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 9 หน่วย คือ จ.พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี กาญจนบุรี สระบุรี และอ.หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งยังเพิ่มอีก 2 ศูนย์ คือศูนย์ฝนหลวงพิเศษพระราชทานเชียงใหม่ และศูนย์ฝนพิเศษพระราชทานนครสวรรค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของราษฎรที่ขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค และการทำการเพาะปลูก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดศูนย์ดังกล่าวขึ้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้งในขณะนี้ และเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน 4 เขื่อน คือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน รวมทั้งยังเป็นการช่วยเสริมการปฏิบัติฝนหลวงที่มีอยู่เดิมดูแลพื้นที่การเกษตรทั้ง 5 ภาคที่ยังได้รับปริมาณน้ำไม่เพียงพอ โดยศูนย์ฝนหลวงพิเศษปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2558 เป็นต้นไป

สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติฝนหลวงปี 2558 ช่วงเมื่อวันที่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2558 ได้ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 119 วัน มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 92.0 ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 3,101 เที่ยวบิน จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 70 จังหวัด ที่ประชาชนร้องขอฝนมายังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ต่างๆ โดยพบว่าการปฏิบัติการฝนหลวงที่ผ่านมาก็ประสบผลสำเร็จพอสมควร โดยมีวันฝนตกเฉลี่ยร้อยละ 95 ของวันที่ขึ้นบินปฏิบัติการ แต่ยังมีปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูกพืชนาปีในช่วงนี้ ซึ่งสภาพอากาศยังไม่เอื้ออำนวยเพราะยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของเอลนิโญ่ที่ทำให้ฝนธรรมชาติไม่ตกต้องตามฤดูกาล

ทั้งนี้ กรมฝนหลวงติดตามสภาพอากาศในช่วงนี้ ก็ยังน่าเป็นห่วง แต่ทุกหน่วยฝนหลวงยังทุ่มเทปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขวิฤกติภัยแล้งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรและเร่งเติมน้ำเขื่อนใหญ่ที่มีปริมาณน้ำต่ำสุดในรอบ 50 กว่าปี