ศาลแจง 'ขรก.' เมาแล้วขับ พิพากษาลงโทษติดคุกจริง

ศาลแจง 'ขรก.' เมาแล้วขับ พิพากษาลงโทษติดคุกจริง

จำคุกจริง! 2เดือนไม่รอลงอาญา "ข้าราชการ" เมาแล้วขับ พร้อมเพิกถอนใบขับขี่ ชี้ให้ยำเกรง และหลาบจำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้มีคำพิพากษาคดีเมาแล้วขับที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีแขวงดอนเมือง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอุทัย ปัญญาพิมพ์ อายุ 47 ปี อาชีพรับราชการ มีบ้านพักย่าน จ. นนทบุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา และความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรณีเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 58 เวลากลางคืน จำเลยได้ขี่ จยย. มาตามถนน แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ตั้งจุดสกัดตรวจแอลกอฮอล์ พบว่า จำเลยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 396 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้จำเลยยังไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน และใบอนุญาตขับขี่ จยย . โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ

 

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถ จยย.ในขณะเมาสุรา จำคุก 4 เดือน ฐานไม่แสดงใบอนุญาตขับรถ ปรับ 1,000 บาท ฐานไม่แสดงบัตรประชาชน ปรับ 200 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 2 เดือน ปรับ 600 บาท แต่เนื่องจากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงมากจนน่าจะเกิดอันตรายแก่ประชาชนโดยรวม จึงไม่เห็นควรให้รอการลงโทษ และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลย

 

ด้านนายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ปกติแล้วผู้พิพากษาจะบังคับใช้กฎหมายตามที่ได้มีการบัญญัติไว้ แต่ทั้งนี้การพิพากษาอรรถคดีทั่วไปขึ้นอยู่กับการพยานหลักฐานในคดี รวมทั้งการใช้ดุลพินิจโดยศาลจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เช่น คดีเมาแล้วขับศาลจะใช้ดุลพินิจพิเคราะห์ข้อเท็จจริง และพฤติการณ์การกระทำผิดของจำเลยทั้งหมดก่อนจะมีคำพิพากษาต่อไป ส่วนที่มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับบทลงโทษจำคุก และโทษปรับนั้น ความเห็นโดยรวมแล้ว ก็น่าจะทำให้ผู้กระทำผิดรู้สึกยำเกรง และหลาบจำบ้าง