ผันผวนเชิงลบ

ผันผวนเชิงลบ

เรามองประเด็นกรีซจะทำให้หุ้นไทยขยับลงชั่วคราวและเป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น เลือกหุ้นเป็นรายตัว

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ผันผวนเชิงลบ


เราคาดตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มถูกกดดันด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ส่งผลให้อาจมีแรงขายเข้ามาในกลุ่มพลังงาน ประกอบกับนักลงทุนกังวลเรื่องหนี้เสียของกลุ่มแบงก์ซึ่งจะกดดันผลกำไรของกลุ่มในปีนี้ และในวันนี้ตลาดไทยไม่มีแรงหนุนจาก window dressing เข้ามาช่วย อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดจะยังไม่ปรับลงมากในวันนี้ เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศช่วยหนุน sentiment อย่างเช่น ตัวเลขการจ้างงานจาก ADP ที่รายงานออกมาเมื่อวานนี้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน และตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่ออกมาดีที่สุดในรอบ 5 เดือน ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะออกมาดีขึ้นต่อเนื่องในคืนนี้ ส่วนประเด็นกรีซต้องรอการทำประชามติในวันอาทิตย์นี้ และนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ากรีซจะสามารถหาข้อตกลงกับ IMF และ EU ได้ในสัปดาห์หน้า

แนวรับ/แนวต้าน : 1490/1520 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์ : เรามองประเด็นกรีซจะทำให้หุ้นไทยขยับลงชั่วคราวและเป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น เลือกหุ้นเป็นรายตัว เน้น story และพื้นฐานดี ปันผลสูงและควรทยอยขายบ้างเมื่อมีกำไร

นักลงทุนระยะสั้น :    SPCG (31),   SPA (7.30)

SPCG (31) เหมาะอย่างยิ่งกับการเล่นสั้น (ซื้อ 26 ขาย 27.50) โดยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับหุ้นตัวนี้อยู่แล้ว เช่น 1.)เตรียมรับรู้รายได้ได้เต็มปีจากโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 36 โครงการหรือ 206MW ส่งผลให้รายได้และกำไรปีนี้เติบโตอย่างชัดเจน 2.)ไตรมาส 3 จะมีดีลเข้าซื้อโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100MW 3.)ร่วมมือกับ Home Pro เพื่อจัดจำหน่ายอุปกรณ์ solar roof เพื่อเพิ่มรายได้ ประกอบกับ P/E ต่ำเพียง 13 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง GUNKUL, DEMCO, และ IFEC ดังนั้นแนะนำ SPCG เป็นตัวเด่นกลุ่มพลังงานทดแทนและเอาไว้เล่นสั้นนะครับ

SPA (7.30) พร้อมไปต่อแล้วหลังจากที่เริ่มเด้งกลับอย่างสวยงามช่วงต้นสัปดาห์นี้ ตัวนี้ขึ้นลงแรงก็เหมาะกับเอาไว้เล่นสั้นด้วยพื้นฐานแกร่งที่รองรับอยู่นะครับ กำไรเติบโตเกือบ 80% มาตลอด 3 ปีย้อนหลังแล้ว แถมยังเนื้อหอมมีโรงแรมชั้นนำเข้าจับมือด้วย เพื่อขยายธุรกิจต่อ โดยลูกค้าต่างประเทศใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะจากจีนนะ ปัจจุบันมี 13 สาขา แต่เร็วๆนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องลุ้นกันว่าข่าวดีจะออกเมื่อไร แต่อย่างไรก็ตาม Demand มีพร้อมรองรับแล้วครับ

นักลงทุนระยะยาว :   BDMS (25.50),   SAT (20.50)

BDMS (25.50) เคยแนะนำไปแล้วในงาน Money Channel 11 ปี ว่าเป็นหุ้น Defensive ที่น่าเก็บสะสมตอน 19 บาท ตอนนี้ใกล้ 20 บาท ยังคงแนะนำซื้ออยู่ โดยขณะนี้ BDMS มี upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 28% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 7 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 28% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี

SAT (20.50) แน่นิ่งมา 3 เดือนแต่อาการเก็บของเรื่อยๆก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่นะ ตัวนี้ถ้าใจเย็นเล่นยาวสบายใจได้ โดยเรามองว่าจะได้ประโยชน์จากโมเดลใหม่โตโยต้า Hilux Revo ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ Q3 เป็นต้นไป ประกอบกับ Business Model ที่มีการกระจายความเสี่ยงได้ดี 17% คูโบต้า 65% กระบะ ที่เหลือรถเก๋ง และปีนี้ได้ order ใหญ่ของ Heno ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เพิ่ม 150 ล้านบาทเต็มๆใน Q4 และอีก 500 ล้าน ปีหน้าเลยนะ ถ้ามอง Valuation ก็น่าสนใจเพราะ
เทรด 10.5x PE ขณะที่ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 12x PE จัดไปแล้วถือยาวแบบลืมๆได้ครับผม



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 5 ที่มี นายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายจีน ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันว่าจะสรุปแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ให้เสร็จในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ส่วนช่วงนครราชสีมาหนองคาย และช่วงแก่งคอย-ระยอง จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการสรุปรายละเอียด

+ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายการต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษ ทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ให้กับประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทยออกไปอีก 4 ปี 5 เดือน มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2556-31 ธ.ค. 2560 ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมของไทยกว่า 3,400 รายการ ได้รับสิทธิจีเอสพีจากสหรัฐต่อไป

- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน มิ.ย. 2558 อยู่ที่ 106.64 ลดลง 1.07% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถือเป็นการติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน แต่เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.1% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลง 0.81% การันตีเงินไม่ฝืดแต่กำลังซื้อแผ่ว เหตุจากราคาพลังงานลดลงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ย้ำประชาชนยังคงจับจ่ายใช้สอยอยู่

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,757.91 จุด พุ่งขึ้น 138.40 จุด หรือ +0.79%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มซึมซับข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ และหันไปขานรับรายงานที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.เช่นกัน

+ สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 สัปดาห์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ