กรีซยื่นข้อเสนอใหม่ดันหุ้นโลกฟื้นตัว

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (1 ก.ค.) ปรับขึ้น 138.40 จุด หรือ 0.79% มาอยู่ที่ 17,757.91 จุด ขณะที่ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ขยับขึ้นมา 14.31 จุด หรือ 0.69% ที่ 2,077.42 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 25.26 จุด หรือ 0.53% มาอยู่ที่ 5,013.12 จุด 

การเดินสู่แดนบวกของหุ้นสหรัฐ เป็นไปตามการทะยานขึ้นของตลาดสำคัญๆ ในยุโรป จากการที่นักลงทุนพากันขานรับข่าวที่ว่า กรีซได้ยื่นข้อเสนอใหม่ ในความพยายามที่จะให้ได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป 

ดัชนี แค็ก 40 ของฝรั่งเศส ทะยานขึ้นมา 1.94% มาอยู่ที่4,883.19จุด ขณะที่ดัชนีแด็กซ์ 30 ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.15% มาอยู่ที่ 11,180.50 จุด และดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ของอังกฤษ ปรับขึ้นมา 1.34% ปิดซื้อขายที่ 6,608.59 จุด

ตลาดสหรัฐ ยังได่แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงาน ที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ธุรกิจแดนอินทรีมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่ง ถือเป็นระดับที่ดีที่สุด นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา 

น้ำมันร่วงรับปริมาณสำรองเพิ่ม 

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับตัวลดลง จากการที่เทรดเดอร์พากันให้ความสนใจกับวิกฤติหนี้กรีซ ที่ฝังรากลึกมากขึ้น และการปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันสำรองในสหรัฐ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนสิงหาคม ในตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.51 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 56.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกันที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดซื้อขายที่ 62.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

นักวิเคราะห์ชี้ว่า นักลงทุนในตลาดน้ำมันเกิดความรู้สึกว่าต้องป้องกันตัวอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ในกรีซที่ยังไม่แน่นอน และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ดีขึ้น ที่หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อการซื้อขายน้ำมัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความวิตกถึงเรื่องการจัดหาล้นตลาดอีกครั้ง หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐ รายงานว่า สหรัฐมีปริมาณน้ำมันสำรองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 465.4 ล้านบาร์เรล ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับช่วงเวลานี้ของปี